Important Information

You are visiting the international Vantage Markets website, distinct from the website operated by Vantage Global Prime LLP
( www.vantagemarkets.co.uk ) which is regulated by the Financial Conduct Authority ("FCA").

This website is managed by Vantage Markets' international entities, and it's important to emphasise that they are not subject to regulation by the FCA in the UK. Therefore, you must understand that you will not have the FCA’s protection when investing through this website – for example:

  • You will not be guaranteed Negative Balance Protection
  • You will not be protected by FCA’s leverage restrictions
  • You will not have the right to settle disputes via the Financial Ombudsman Service (FOS)
  • You will not be protected by Financial Services Compensation Scheme (FSCS)
  • Any monies deposited will not be afforded the protection required under the FCA Client Assets Sourcebook. The level of protection for your funds will be determined by the regulations of the relevant local regulator.

If you would like to proceed and visit this website, you acknowledge and confirm the following:

  • 1.The website is owned by Vantage Markets' international entities and not by Vantage Global Prime LLP, which is regulated by the FCA.
  • 2.Vantage Global Limited, or any of the Vantage Markets international entities, are neither based in the UK nor licensed by the FCA.
  • 3.You are accessing the website at your own initiative and have not been solicited by Vantage Global Limited in any way.
  • 4.Investing through this website does not grant you the protections provided by the FCA.
  • 5.Should you choose to invest through this website or with any of the international Vantage Markets entities, you will be subject to the rules and regulations of the relevant international regulatory authorities, not the FCA.

Vantage wants to make it clear that we are duly licensed and authorised to offer the services and financial derivative products listed on our website. Individuals accessing this website and registering a trading account do so entirely of their own volition and without prior solicitation.

By confirming your decision to proceed with entering the website, you hereby affirm that this decision was solely initiated by you, and no solicitation has been made by any Vantage entity.

I confirm my intention to proceed and enter this website Please direct me to the website operated by Vantage Global Prime LLP, regulated by the FCA in the United Kingdom

By providing your email and proceeding to create an account on this website, you acknowledge that you will be opening an account with Vantage Global Limited, regulated by the Vanuatu Financial Services Commission (VFSC), and not the UK Financial Conduct Authority (FCA).

    Please tick all to proceed

  • Please tick the checkbox to proceed
  • Please tick the checkbox to proceed
Proceed Please direct me to website operated by Vantage Global Prime LLP, regulated by the FCA in the United Kingdom.

×

เริ่มคัดลอกการเทรดเพียง $50

คัดลอกการเทรดตอนนี้ >
เริ่มคัดลอกการเทรดเพียง $50
SEARCH
  • ทั้งหมด
    การค้าขาย
    แพลตฟอร์ม
    สถาบันการศึกษา
    การวิเคราะห์
    โปรโมชั่น
    เกี่ยวกับ
  • Search
Keywords
  • ฟอเร็กซ์
  • Vantage Rewards
  • ค่าธรรมเนียม

เกี่ยวกับเรา

  • facebook
  • instagram
  • twitter
  • linkedin
  • youtube
  • tiktok
  • spotify
​Trump Trade ใน​​ปี 2024: ​​การ​​ทำความเข้าใจแนวโน้ม​​ตลาดและกลยุทธ์ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์

สารบัญ

​Trump Trade ใน​​ปี 2024: ​​การ​​ทำความเข้าใจแนวโน้ม​​ตลาดและกลยุทธ์ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์

​Trump Trade ใน​​ปี 2024: ​​การ​​ทำความเข้าใจแนวโน้ม​​ตลาดและกลยุทธ์ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์

Vantage Updated Tue, 2024 October 22 06:28

​​หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์กลับมาลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง นโยบายเศรษฐกิจและมุมมองด้านการค้าระหว่างประเทศของเขา​​หลาย ๆ​​ อย่างก็เริ่มได้รับความสนใจอีกครั้ง แนวทางการกีดกันทางการค้า การยกเลิกกฎระเบียบ และการลดภาษีแบบ​​เข้มงวด​​ของเขานั้นได้รับการขนานนามจากสื่อว่า “​Trump Trade” 

​​ชื่อนี้ฟังดูน่าสนใจแต่ไม่ใช่​​เป็นเพียงชื่อที่มีไว้​​โชว์​​เพียงเท่านั้น​​ ในระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นโยบายของทรัมป์ก็ให้ผลลัพธ์ที่หลากหลาย แม้ว่าภาคเศรษฐกิจบางส่วนจะได้รับประโยชน์ แต่การจ้างงานและการดูแลสุขภาพกลับแย่ลง และ​​หนี้สาธารณะก็​​เพิ่มขึ้น [1]​ 

​​และตอนนี้ ​​มี​​แนวโน้มที่ชัดเจนมากว่าทรัมป์จะกลับมา​​ดำรงตำแหน่งใส​​ทำเนียบขาว เราอาจได้เห็น Trump Trade 2.0 เกิดขึ้น หากสิ่งนี้เกิดขึ้น เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบอย่างไร และนักลงทุนควรทำอย่างไรเพื่อเตรียมพร้อม?​ 

ประเด็น​​สำคัญ​ 

  • ​​Trump Trade หมายถึงนโยบายเศรษฐกิจของ​​ทรัมป์​​ที่เน้น​​ในการลดภาษี ยกเลิกกฎระเบียบ และขึ้นภาษีศุลกากรเพื่อกระตุ้นการเติบโตของสหรัฐฯ​ 

  • ​​นโยบายของทรัมป์ส่งผลดีต่อบางภาคส่วนเช่นการเงินและพลังงาน แต่ทำให้​​หนี้สาธารณะ​​เพิ่มขึ้นและก่อให้เกิดสงครามการค้า​ 

  • ​​หากได้​​รับเลือก​​อีกครั้ง นโยบายของทรัมป์อาจเอื้อประโยชน์ต่อตลาดหุ้นและอุตสาหกรรม​​บางประเภท​​ แต่ก็มีความเสี่ยง เช่น เงินเฟ้อที่สูงขึ้นและ​​การตอบโต้ดัานภาษีศุลกากร​ 

ทำความเข้าใจ​ Trump Trade 

Trump Trade ​สามารถสรุปได้ว่าเป็นแนวทางของโดนัลด์ ทรัมป์ในการกระตุ้นการเติบโตในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การควบคุม​​ที่​​น้อยลง ​​ลดภาษี​ ​เพิ่มภาษีศุลกากร ​​และ​​ลดการเข้าเมือง​ 

​​การค้าแบบทรัมป์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมและภาค​​ส่วนเฉพาะ​​ และอาจส่งผลต่อ ​เงินเฟ้อ ​และ ​อัตราผลตอบแทนพันธบัตร[2] 

ไฮไลท์​​ของ Trump Trade ​​ใ​​นปี 2016 ถึง 2020​ 

​​เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง 

​​ภายใต้​​การดำรงตำแหน่งของทรัมป์​​ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราเงินเฟ้อต่ำและการจ้างงานเติบโตดี เศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้อัตราการว่างงานและ ​เงินเฟ้อ ​สูงขึ้น​​ส่งผลให้ทรัมป์ออกจากตำแหน่งโดยมีตำแหน่งงานรวมน้อยกว่าตอนที่เขา​​เข้ารับ​​ตำแหน่ง​ 

​​นักวิชาการหลายคนชี้ให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจหลังภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ที่ริเริ่มโดยรัฐบาลโอบามา ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่าควรให้เครดิตทรัมป์อย่างเต็มที่สำหรับการดำเนินงานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งหรือไม่​ 

​​การสร้างงานและการเติบโตของค่าจ้าง[3] 

​​ก่อนที่การระบาดใหญ่จะเกิดขึ้น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เห็นการเติบโตของงานและค่าจ้าง ซึ่งยังคงต่อเนื่องมาจากช่วงที่เริ่มต้นในรัฐบาลชุดก่อน อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 3.5% ในปี 2019 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี ในขณะเดียวกัน ค่าจ้างก็เพิ่มขึ้นในปี 2018 และ 2019​ 

​​การลดหย่อนภาษี 

​​นโยบายที่เห็นได้ชัดและเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดของทรัมป์คือ​​กฎหมาย Tax Cuts and Jobs Act​​ ซึ่งได้รับการลงนามเป็นกฎหมายในปี ​2018​ ถือเป็นการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี​ 

​​แม้ว่าการปฏิรูปหลายอย่างภายใต้​​กฎหมาย​​จะกำหนดให้สิ้นสุดลงในปี 2025 แต่การลดหย่อนภาษีก็มีผลกระทบในวงกว้าง บริษัท​​ต่าง ๆ​​ ได้รับประโยชน์จากการลดอัตราภาษีอย่างถาวรจาก 35% เหลือ 21% [4] ในขณะเดียวกัน พระราชบัญญัติยังส่งผลกระทบต่ออัตราภาษีเงินได้ ​​มาตรฐาน​​การหักลดหย่อน ​​ภาษีเครดิต​​ และอื่น ​​ๆ​​ สำหรับผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดา​ 

​​เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว ​​การลดหย่อนภาษีดูเหมือนว่ากฎหมายดังกล่าวน่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการลงทุนด้านทุนที่เพิ่มขึ้น​​ในภาคเอกชน ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคก็แข็งแกร่งขึ้นเนื่องมาจากรายได้หลังหักภาษีที่เพิ่มขึ้นในช่วงปีแรกที่กฎหมายมีผลบังคับใช้​ 

​​ตลาดหุ้นเฟื่องฟู 

​​ด้วยการจ้างงานที่สูง ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น การลดหย่อนภาษี และเศรษฐกิจโดยรวมที่แข็ง​​แกร่ง​​ ตลาดหุ้นจึงเติบโตได้ดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากร่วงลงอย่างหนักในช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ ดัชนี ​S&P 500 ​ก็ทำลายสถิติหลายรายการในช่วงที่​​ดตลาดหุ้นขาขึ้นที่ยาวนาน​​ ซึ่งกินเวลานานถึงปี 2022 ในทำนองเดียวกัน ​ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ​พุ่งขึ้น 57% ​​ตลอดระยะเวลาที่​​ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง [5]​ 

​​หนี้ประจำปี 

​​เศรษฐกิจเฟื่องฟูภายใต้การนำของทรัมป์ต้องแลกมาด้วยต้นทุน การลดหย่อนภาษี รวมไปถึงการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้งบประมาณของรัฐบาลกลางขาดดุลมากขึ้น​ 

​​ในปี ​2021​ ตัวเลขขาดดุลประจำปีอยู่ที่ 779 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็น 984 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี ​2021​ และทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี ​2023 [6] 

​​มาตรการภาษีศุลกากร 

​​อีกหนึ่ง​​ในจุดเด่นของนโยบาย Trump Trade ​​คือการ​​นำมาตรการภาษีศุลกากรมาปรับใช้​​ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อค้ำจุนเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต่อการแข่งขันจากต่างประเทศจากการนำเข้าสินค้าราคาถูก​ 

​​ตัวอย่างที่​​ชัดเจน​​ที่สุดในเรื่องนี้คือ “สงครามการค้า” กับจีน โดยรัฐบาลทรัมป์ได้​​บังคับใช้ภาษีศุลกากรหลายรอบกับสินค้า เช่น​ ​เหล็ก อลูมิเนียม เครื่องซักผ้า แผงโซลาร์เซลล์ และสินค้า​​ที่นำเข้า​​จากจีน ​​ทำให้มีมูลค่าการค้าที่ถูกกระทบไปกว่า​ ​380,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ​ 

​​จีนไม่ใช่คู่ค้ารายเดียวที่ได้รับผลกระทบ ประเทศอื่น ๆ เช่น แคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรปก็ถูกเรียกเก็บภาษีการค้าเช่นกัน​ 

​​มาตรการภาษีศุลกากร​​เป็นภาษีที่เรียกเก็บ​​ภาษี​​จากสินค้าที่นำเข้าจากประเทศเป้าหมาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับราคาสินค้าดังกล่าวขึ้น เพื่อให้สินค้าประเภทเดียวกันที่ผลิตในสหรัฐฯ มีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลทรัมป์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ภาษีศุลกากรดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อคนงานชาวอเมริกัน ช่วยให้สหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองในการทำข้อตกลงการค้าในอนาคต และปกป้องความมั่นคงของชาติ​ 

​​อย่างไรก็ตาม​​ การศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2024 แสดงให้เห็นว่าภาษีศุลกากรไม่ได้​​ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องจาก​​ไม่มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของจำนวนงานในสหรัฐฯ ที่เชื่อมโยง​​ภาษีที่บังคับใช้กับสินค้าจากจีนเลย​ 

​​กลับกัน มาตรการภาษีของ​​ทรัมป์​​ทำให้ประเทศอื่น ๆ ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีกับสินค้าสหรัฐฯ​​ ส่งผลให้คนงานและผู้บริโภคชาวอเมริกันได้รับผลกระทบด้านลบ​ 

จะคาดหวังอะไรได้บ้างหาก Trump Trade กลับมา?​ 

​​หากทรัมป์กลับมาที่ทำเนียบขาว​​อีกครั้ง​​ นโยบายเศรษฐกิจของเขาอาจส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจ ซึ่งต่อไปนี้คือสิ่งที่ต้อง​​จับตาดู​: 

ผลกระทบต่อตลาดหุ้น [7]​ 

​​โดยทั่วไปแล้ว ตลาดหุ้นจะมีผลงานที่ดีในช่วงการเลือกตั้ง ​​โดยมีการเติบโต​​เฉลี่ยที่ 6.8% ​​ไม่ว่าผู้สมัครคนไหนจะเป็นฝ่ายชนะ​​ก็ตาม​ 

​​ในครั้งนี้​​ก็เช่นกัน​​ ไม่มีเหตุผลใดที่จะคาดหวังว่าตลาดหุ้นจะไม่ดำเนินตามแนวโน้มดังกล่าว หากทรัมป์กลับมาที่ทำเนียบขาว คาดว่าเขาจะ​​เดินหน้า​​ในการลดกฎระเบียบ ลดภาษี และเพิ่มการผลิต ​น้ำมัน ​และก๊าซ​​ธรรมชาติตามที่ได้ให้คำมั่นในช่วงหาเสียง​ 

​​โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกลับมาของทรัมป์อาจหมายถึงการขยายหรือยกเลิกกฎหมาย​ Tax Cuts and Jobs Act ​ที่จะหมดอายุในปี 2025 ซึ่ง​​จะส่งผลให้ภาษียังคงลดลง​​สำหรับทุกคน ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุนด้านทุนในภาคเอกชนมากขึ้น และส่งเสริมผลกระตุ้นต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ​​ ต่อไป​ 

​​จากปัจจัยเหล่านี้ เราคาดว่าตลาดหุ้นจะตอบสนองอย่างดีต่อชัยชนะของทรัมป์ ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาวด้วยเช่นกัน​ 

​​อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรคำนึงไว้ว่าผลกระทบจากผู้สมัครแต่ละคน รวมถึงผลการเลือกตั้งด้วย มักไม่มีผลต่อตลาดหุ้นมากนัก นักลงทุนส่วนใหญ่มักตัดสินใจโดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ดังนั้น ตราบใดที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง เราก็จะเห็นตลาดหุ้นตอบสนองในลักษณะเดียวกัน​ 

ผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร [8]​ 

​​นโยบายที่สนับสนุนธุรกิจและการยกเลิกกฎระเบียบของทรัมป์ ประกอบกับการใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น อาจช่วยทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เดินหน้าต่อไปได้​​อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ​​ยังมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะร้อนเกินไปจนทำให้เงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้นอีกครั้ง​ 

​​เนื่องจากอัตรา​​ดอกเบี้ย​​เป็นหนึ่งในปัจจัยทางเศรษฐกิจเพียงไม่กี่ประการที่ใช้ควบคุมเงินเฟ้อได้ หากทรัมป์ได้รับชัยชนะ ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจเลือกที่จะคง ​อัตราดอกเบี้ย ​ไว้ใน​​ระดับสูง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางสามารถเข้าแทรกแซงได้มากขึ้นหากอัตราเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงทิศทางและเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง​ 

​​การคง​​อัตราดอกเบี้ย​​ไวเในระดับ​​สูง ​​อาจทำให้​​อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่ปราศจากความเสี่ยงในระดับเดียวกัน ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาพันธบัตรลดลงตามไปด้วย ดังนั้น อาจหมายความว่าหากทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ตลาดพันธบัตรจะซบเซาลง​ 

ผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์​ 

​​เช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป ความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและแนวโน้มของเศรษฐกิจ ​​หากการคาดการณ์ของ Trump Trade ส่งผลให้​​เศรษฐกิจสหรัฐฯ​​ ยังคงดีขึ้น​​ ดอลลาร์สหรัฐฯ น่าจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปหากทรัมป์​​ชนะการเลือกตั้ง​ 

​​ปัจจัยภายนอกที่​​สนับสนุน​​ให้ดอลลาร์ยังคงมีอิทธิพลเหนือตลาด ได้แก่ การที่สกุลเงินอื่น ๆ ของโลกอ่อนค่าลง อันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของยูโรโซน และภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ญี่ปุ่นและจีนเผชิญ​ 

​​ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้หุ้นของสหรัฐฯ น่าดึงดูดใจนักลงทุนมากขึ้น ทำให้มีโอกาสที่​​เงินทุนไหลเข้ามากขึ้น​​ ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับการเคลื่อนไหวของดัชนี S&P 500 โดยประมาณ 40% ของเวลา ดัชนีจะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น [9]​ 

​​แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าอาจช่วยผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นได้ แต่ค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นก็อาจสร้างปัญหาในส่วน​​อื่น ๆ​​ ได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ส่งออกที่ขายสินค้าให้กับลูกค้าต่างประเทศมักจะพบว่าสินค้าของตนมีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกลดน้อยลง บริษัทที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศก็อาจพบว่ากำไรลดลงเมื่อแปลงรายได้จากสกุลเงินต่างประเทศกลับเป็นเงินดอลลาร์​ 

ผลกระทบต่อภาคส่วน​​ต่าง ๆ​ [10] 

​​บริการทางการเงิน 

​​หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในปี 2016 ภาคบริการทางการเงินก็ทำผลงานได้ดีกว่าตลาดโดยรวมอย่างมาก แม้ว่าดัชนี S&P 500 จะเพิ่มขึ้นเพียง 3% หลังการเลือกตั้ง แต่ดัชนี S&P Financials กลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 10%​ 

​​การพุ่งสูงนี้ขับเคลื่อนโดยจุดยืนที่สนับสนุนธุรกิจและการยกเลิกกฎระเบียบของทรัมป์ ซึ่งช่วยผลักดันให้ธนาคารและสถาบันการเงิน​​ต่าง ๆ​​ ได้รับประโยชน์จากการผ่อนปรนกฎระเบียบเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านเงินทุน​ 

​​หากทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง คาดว่าทรัมป์จะผ่อนปรนกฎระเบียบ​​ต่าง ๆ​​ ต่อไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ให้บริการทางการเงินมีความคล่องตัวมากขึ้นในการขยายการดำเนินงาน ​​เพิ่มหนี้สิ้น​​ และ​​กระตุ้น​​กิจกรรมทางเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมที่ยกเลิกกฎระเบียบดังกล่าวน่าจะช่วยให้ภาคการเงินก้าวขึ้นมาเป็นผู้​​ที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้​​ในที่สุด​ 

​​เทคโนโลยี 

​​คาดว่าภาคเทคโนโลยีจะได้รับประโยชน์จากการที่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาว เนื่องมาจากการเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายลดหย่อนภาษีและการจ้างงาน ซึ่งมีแนวโน้มว่าเขาจะนำไปปฏิบัติ​​ต่อไป​ 

​​เมื่อ​​นำมาตรการนี้มา​​ประกาศใช้ครั้งแรกในปี 2560 การลดหย่อนภาษีนิติบุคคลครั้งใหญ่จากร้อยละ 35 เหลือร้อยละ 21 ทำให้บริษัท​​ต่าง ๆ​​ ได้รับ​​งประโยชน์​​จากงบดุลร้อยละ 14 [11] ซึ่งถือเป็นประโยชน์มหาศาลสำหรับบริษัทในภาคเทคโนโลยีที่มีกำไรสูง ส่งผลให้มีการลงทุน การซื้อหุ้นคืน และการจ่ายเงินปันผลเพิ่มมากขึ้น​ 

​​ดังนั้น ภาคเทคโนโลยีจึงน่าจะยังคงได้รับผลประโยชน์จากสภาพแวดล้อมทางภาษีที่ต่ำลง ซึ่งจะช่วยผลักดันประสิทธิภาพการดำเนินงาน​​ในอนาคต​​ได้​ 

​​พลังงาน [12, 13] 

​​ในปี 2024 สหรัฐฯ กลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแท้จริง โดยเป็นผู้นำด้านปริมาณการผลิตเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ทรัมป์ได้ประกาศความตั้งใจที่จะ​​ใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำมันที่มีอยู่ในประเทศ​​ ซึ่งวลีเด็ดของเขาคือ “drill, baby, drilling”​ 

​​ด้วยเหตุนี้​​ ภาคพลังงาน โดยเฉพาะผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซ น่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายที่เป็นมิตรมากขึ้น เนื่องจากทรัมป์ต้องการส่งเสริมการขุดเจาะน้ำมันในประเทศ การเข้าถึงน้ำมันที่มากขึ้นจะช่วยเสริมสร้างการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานของอเมริกา ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างสถานะของประเทศในฐานะผู้ส่งออกน้ำมันรายสำคัญ​ 

​​นอกจากนี้ การขยายตัวของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซยังจะทำให้มีการสร้างงานมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนประสิทธิภาพของภาคส่วนนี้ ขณะเดียวกันก็ยกระดับสถานะของภาคส่วนนี้ในฐานะเครื่องยนต์แห่งการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกด้วย​ 

​​การผลิต [14]​ 

​​การกลับมาดำเนิน​​นโยบาย Trump Trade ​​น่าจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกของผู้ส่งออกของสหรัฐฯ ลดน้อยลง และบริษัท​​ต่าง ๆ​​ ที่เก็บรายได้จากต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มมากขึ้น ตามที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้​ 

​​อย่างไรก็ตาม ในด้านดีคือ​​ภาคการผลิตอาจได้รับผลกระทบ​​จาก​​การที่ให้ความสำคัญกับ CHIPS และ Science Act มากขึ้นเพื่อปรับปรุงขีดความสามารถในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาผู้ผลิตในต่างประเทศ​ 

​​สิ่งนี้อาจส่งผลให้มีเงินทุนเพิ่มขึ้น การลดหย่อนภาษี และมีแรงจูงใจอื่น ๆ เพื่อเร่งการพัฒนาภาคส่วนนี้ และปูทางให้ภาคส่วนนี้ทำผลงานได้ดีกว่าในอนาคตอันใกล้​ 

​​โครงสร้างพื้นฐาน 

​​การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นหนึ่งในปัญหาไม่กี่ประเด็นที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรค ​​กฎหมาย​​โครงสร้างพื้นฐาน​​ที่ไบเกนลงนาม​​ในปี 2021 ได้จัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงปี 2026 ​​โดยในขณะนี้​​ยังคงมีเงินอีกกว่า 490 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ยังไม่ได้รับการจัดสรร [15]​ 

​​เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับภาคส่วนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​​เมืทอ​​ทรัมป์​​ได้รับการคาดหมายว่า​​จะให้การสนับสนุนโครงการ​​ต่าง ๆ​​ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและซ่อมแซมถนน การยกระดับสนามบิน และการปรับปรุงท่าเรือและท่าเทียบเรือของประเทศ​ 

​​ด้วยเหตุนี้ บริษัท​​ต่าง ๆ​​ ที่เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง วิศวกรรมโยธา และบริการที่เกี่ยวข้องจึงสามารถได้รับประโยชน์จากการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์​ 

ผลกระทบระดับโลกของ​ Trump Trade [16,17] 

​​นี่คือประเด็นสำคัญบางประการที่ควรพิจารณาในกรณีที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะ​ 

​​ภาษีศุลกากร​​ทั่วไป​​สำหรับ​​สินค้า​​นำเข้าทั้งหมด​ 

​​ทรัมป์ต้องการใช้อำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องสัมปทานจากหุ้นส่วนทางการค้า เขาตำหนิระบบการค้าโลกว่าเป็นสาเหตุของปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงการสูญเสียตำแหน่งงาน ตลาดต่างประเทศที่ปิดตัวลง และค่าเงินดอลลาร์ที่มีมูลค่าสูงเกินจริง​ 

​​อย่างไรก็ตาม เมื่อทรัมป์ประกาศใช้ภาษีการค้า​​ในครั้ง​​ที่เขาดำรงตำแหน่ง คู่ค้า​​ต่างประเทศ​​ก็ตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น การกำหนดภาษีการค้าสากลสำหรับการนำเข้าทั้งหมดน่าจะทำให้​​คู่ค้าส่วนใหญ่​​หรือเกือบทั้งหมดได้รับการตอบโต้ในระดับที่สูงกว่า​ 

​​สิ่งนี้อาจนำไปสู่ผลกระทบ​​อย่างรุนแรงทั่วโลก​​ รวมถึงการค้าและการเติบโตของโลกที่ลดลง การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และราคาที่สูงขึ้นสำหรับ​​สินค้าทุกประเภท​ 

​​สงครามการค้าครั้งใหม่กับจีน​​ที่รุนแรงขึ้น 

​​ผู้สมัครพรรครีพับลิกันขู่ว่าจะยกระดับสงครามการค้ากับจีน โดยเพิ่มภาษีศุลกากรเป็นสูงถึง 60% การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่จะขัดขวางการฟื้นตัวของจีนเท่านั้น แต่ผลกระทบอาจลุกลามไปสู่เศรษฐกิจโลกโดยรวมด้วย​ 

​​เนื่องจากจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นอาจทำให้ระดับเงินเฟ้อทั่วโลกสูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลาง​​ต่าง ๆ​​ ทั่วโลกต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบใหม่ ​​ซึ่งจะทำ​​ให้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาครุนแรงขึ้น ​​กัดกร่อน​​ให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง และ​​ลด​​ผลตอบแทนจากตลาดหุ้น​ 

บท​​สรุป: ยึดมั่นในกลยุทธ์ที่สมดุล​ 

​​เห็นได้ชัดว่าการกลับมาของ​ Trump Trade ​อาจก่อให้เกิดผลที่ซับซ้อนและกว้างไกล และยากที่จะคาดเดาว่าสิ่ง​​ต่าง ๆ​​ จะออกมาเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งและผลกระทบของนโยบายไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครอยู่ในทำเนียบขาวเท่านั้น แต่​​ยังรวมถึง​​ปัจจัยของพรรคการเมือง​​อื่น ๆ อีกด้วย​ 

​​เราได้กล่าวถึงประเด็น​​ต่าง ๆ ไว้ครอบคลุมพอสมควร​​แล้ว ดังนั้นเราจะสรุป​​โดยกล่าวว่า: ​​การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นในการมองหาโอกาสในการซื้อขาย แต่ควรระวังอย่า​​ลงทุน​​มากเกินไปโดยอาศัยเพียง​​ติดตามข่าวล่าสุด​​ โปรดจำไว้ว่าสิ่ง​​ต่าง ๆ​​ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ​ 

​​จัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมเพื่อวางเดิมพันในระยะสั้นเมื่อมีโอกาสเกิดขึ้น แต่ต้องแน่ใจว่าจะรักษากลยุทธ์ระยะยาวไว้ด้วย ท้ายที่สุดแล้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะเข้ามาแล้วก็ออกไป แต่ตลาดยังคงถูกควบคุมโดยปัจจัยพื้นฐานเป็นส่วนใหญ่​ 

​​พร้อมที่จะคว้าโอกาสในตลาดที่มีความผันผวนหรือไม่ ​เปิดบัญชีจริง ​กับ Vantage วันนี้ และเริ่มซื้อขาย ​CFD ​พร้อมข้อมูลเชิงลึกที่คุณต้องการเพื่อรับมือกับความซับซ้อนของ ​การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 

​​อ้างอิง​

  1. “What would a second Trump presidency mean for the global economy? – The Conversation”. https://theconversation.com/what-would-a-second-trump-presidency-mean-for-the-global-economy-239069. Accessed 26 Sept 2024. 
  2. “Is The “Trump Trade” A Good Deal? – JP Morgan”. https://privatebank.jpmorgan.com/eur/en/insights/markets-and-investing/tmt/is-the-trump-trade-a-good-deal. Accessed 26 Sept 2024. 
  3. “Did Trump Create or Inherit the Strong Economy? – Joint Economic Commission”. https://www.jec.senate.gov/public/_cache/files/2c298bda-8aee-4923-84a3-95a54f7f6e6f/did-trump-create-or-inherit-the-strong-economy.pdf. Accessed 26 Sept 2024. 
  4. “What will happen to the Trump tax cuts in 2025, and how will they affect the national debt? – Brookings”. https://www.brookings.edu/articles/what-will-happen-to-the-trump-tax-cuts-in-2025-and-how-will-they-affect-the-national-debt/. Accessed 27 Sept 2024. 
  5. “The Economic Impact of Donald Trump’s Presidency – Investopedia”. https://www.investopedia.com/donald-trump-presidency-economic-impact-8666666. Accessed 26 Sept 2024. 
  6. “U.S. Presidents With the Largest Budget Deficits – Investopedia”. https://www.investopedia.com/ask/answers/030515/which-united-states-presidents-have-run-largest-budget-deficits.asp. Accessed 27 Sept 2024. 
  7. “2024 US Elections: What Impact Could A Trump Win Have on the US Markets? – Moneyweek”. https://moneyweek.com/investments/stock-markets/us-stock-markets/trump-win-impact-on-us-markets. Accessed 26 Sept 2024. 
  8. “The ‘Trump Trade’: What It Is And How It Impacts The Markets – BankRate”. https://www.bankrate.com/investing/trump-trade/. Accessed 26 Sept 2024. 
  9. “How U.S. Stock Prices Correlate to the Value of the U.S. Dollar – Investopedia”. https://www.investopedia.com/ask/answers/06/usdollarcorrelation.asp. Accessed 26 Sept 2024.  
  10. “Elections and Equities: The Impact of the US Election on Sector Investing – State Street Global Advisors”. https://www.ssga.com/sg/en/institutional/insights/impact-of-the-us-election-on-sector-investing. Accessed 26 Sept 2024. 
  11. “How did the Tax Cuts and Jobs Act change business taxes? – Tax Policy Center”. https://www.taxpolicycenter.org/briefing-book/how-did-tax-cuts-and-jobs-act-change-business-taxes. Accessed 27 September 2024. 
  12. “US Leads Global Oil Production for Sixth Straight Year- EIA – Reuters”. https://www.reuters.com/markets/commodities/us-leads-global-oil-production-sixth-straight-year-eia-2024-03-11/. Accessed 26 Sept 2024. 
  13. “Trump Says ‘Drill, Baby, Drill,’ But The Record For US Oil Production Isn’t His – ABC News”. https://abcnews.go.com/Politics/drill-baby-drill-donald-trump-oil-gas-rnc/story?id=112108980. Accessed 26 Sept 2024. 
  14. “US election: Its Impact On Industrial Policy – Economist Intelligence”. https://www.eiu.com/n/us-election-its-impact-on-industrial-policy/. Accessed 26 Sept 2024. 
  15. “U.S. Election Preview: Infrastructure Development is Something Both Sides Can Agree On – Global X ETFS”. https://www.globalxetfs.com/u-s-election-preview-infrastructure-development-is-something-both-sides-can-agree-on/. Accessed 26 Sept 2024. 
  16. “What Across-the-Board Tariffs Could Mean for the Global Economy – The New York Times”. https://www.nytimes.com/2024/08/27/business/trump-tariffs-us-trade.html. Accessed 26 Sept 2024. 
  17. “MAS Says A Change In US Policy Direction After November Polls Would Have Global Impact – The Straits Times”. https://www.straitstimes.com/business/mas-says-change-in-us-policy-direction-post-november-polls-will-have-global-impact. Accessed 26 Sept 2024. 
  • vantage academy open account

    เปิดบัญชีการซื้อขาย

    ค้นพบความเป็นไปได้ในการซื้อขายที่ไม่มีที่สิ้นสุดด้วยแพลตฟอร์มที่ทันสมัยของเรา ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทั้งผู้เริ่มต้นและนักเทรดที่มีประสบการณ์ ปลอดภัยไร้ความเสี่ยงด้วยบัญชีทดลอง

  • vantage academy app

    ดาวน์โหลดแอป Vantage

    แอปการซื้อขายที่ราบรื่นซึ่งได้รับความนิยมและสามารถเข้าถึงตลาดทั้งหมดในมือของคุณ

  • vantage academy start trading

    เริ่มต้นซื้อขาย

    เข้าสู่ระบบบัญชีของคุณเพื่อเริ่มต้นซื้อขายผลิตภัณฑ์กว่า 1,000 รายการ รวมถึง Forex, ดัชนี, ทองคำ, หุ้นและอื่น ๆ