ในการเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมีความเข้าใจในเรื่องการวิเคราะห์กราฟเพื่อหาแนวโน้มและวางแผนให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งเครื่องมือที่สำคัญก็คือ Indicator หรือตัวชี้วัดปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกราฟเพื่อนำข้อมูลมาประกอบในการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ปัจจุบันมี Indicator ที่ถูกพัฒนาขึ้นมามากมาย บทความนี้จะช่วยให้คุณเลือกใช้ Indicator ได้อย่างง่ายและทำความเข้าใจเบื้องต้นในการนำไปใช้ให้เหมาะกับกลยุทธ์การเทรดของคุณ
1. EMA(Exponential Moving Average)
EMA ถือเป็นหนึ่งใน Indicator ที่นักเทรด Forex นิยมใช้ เพราะใช้เพื่อแสดงแนวโน้มของราคาด้วยการให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุดมากกว่าข้อมูลเก่า เหมาะสำหรับการดูเทรนด์หลักของกราฟในระยะเวลาที่เลือก เมื่อเส้น EMA อยู่เหนือกราฟ แปลว่า เป็นสัญญาณของ Bullish แต่หากต่ำกว่านั่นคือสัญญาณของ Bearish และสามารถใช้ดูแนวรับ-แนวต้านได้ด้วย โดยปกตินักเทรดนิยมใช้เส้น EMA 9, 20, และ 50 เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงเวลาที่ต่างกัน
วิธีคำนวณ
**N หมายถึง จำนวนช่วงเวลาที่ใช้ใน EMA (เช่น EMA 20 หรือ EMA 50)
2. RSI(Relative Strength Index)
หากคุณต้องการตรวจสอบแรงซื้อหรือแรงขายของตลาดว่าอยู่ในระดับที่ปกติหรือไม่ RSI เป็น Indicator ที่ช่วยวิเคราะห์ค่าเหล่านี้โดยมีการกำหนดไว้ที่ระหว่าง 0-100 หากตลาดอยู่ในโซน Overbought RSI จะมีค่ามากกว่า 70 แต่หากอยู่ในโซน Oversold ค่า RSI จะอยู่ต่ำกว่า 30
นอกจากนั้นยังใช้เพื่อดูจุดกลับตัว(Divergence) ของตลาดได้อีกด้วย
วิธีคำนวณ
*ค่าเฉลี่ยกำไรและค่าเฉลี่ยขาดทุนมาจากการคำนวณผลต่างระหว่างราคาปิดในช่วงเวลาที่เลือก (เช่น 14 วัน)
อย่างไรก็ตาม RSI ไม่นิยมใช้เป็น Indicator ในการหาสัญญาณซื้อขายเพียงอย่างเดียว แต่ใช้ควบคู่กับ Indicator ตัวอื่นด้วย
3. MACD (Moving Average Convergence Divergence)
MACD เป็น Indicator ที่นิยมใช้เพื่อบ่งบอกทิศทางแนวโน้มและแรงซื้อขายในตลาด โดยจะสังเกตจุดตัดกันระหว่าง MACD Line กับ Signal Line ซึ่งเป็นสัญญาณในการเข้าเทรดเมื่อแนวโน้มมีการเปลี่ยนแปลง
MACD ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ MACD Line (คำนวณจากความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ Exponential 2 เส้น คือ EMA 12 และ EMA 26), Signal Line (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของ MACD Line, หรือ EMA 9) และ Histogram ซึ่งแสดงความแตกต่างระหว่าง MACD Line และ Signal Line ช่วยให้การวิเคราะห์แนวโน้มเป็นไปอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
วิธีคำนวณ
MACD = EMA(12) – EMA(26) จากนั้นจึงคำนวณ Signal Line ด้วยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของ MACD 9 ช่วงเวลา
4. Parabolic SAR
การเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จ การรู้เทรนด์ของตลาดชัดเจนจะเพิ่มโอกาสในการชนะได้มากขึ้น Parabolic SAR คือ Indicator ที่ช่วยให้คุณรันเทรนด์ได้ดีมากตัวหนึ่ง รูปแบบของ Indicator ตัวนี้จะวิ่งเป็นจุดไข่ปลา ทำให้เห็นเทรนด์ของราคาได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีข้อควรระวังเพราะหากตลาดอยู่ในช่วง Sideway ยังไม่มีการกำหนดเทรนด์อย่างชัดเจน อาจทำให้เกิดการสับสนกับสภาวะตลาด ทำให้ไม่เหมาะกับการนำข้อมูลจาก Indicator ตัวนี้มาวิเคราะห์
5. Stochastic Oscillator
ในตลาด Forex Stochastic Oscillator คือ Indicator ยอดนิยมที่ใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยบอกจังหวะการกลับตัวของราคา โดยเน้นไปที่การเปรียบเทียบราคาปิดปัจจุบันกับช่วงราคาสูงสุดและต่ำสุดในระยะเวลาที่เลือก ตัวนี้จะทำงานได้ดีเมื่อราคาเข้าใกล้จุด Overbought หรือ Oversold โดยเส้น %K และ %D จะทำงานร่วมกันในการหาจังหวะการกลับตัว
Stochastic Oscillator จะมีความต่างจาก RSI ที่วัดจากแรงซื้อขาย (Momentum) ในช่วงเวลาหนึ่ง Stochastic จะเน้นไปที่ตำแหน่งของราคาปัจจุบันเมื่อเทียบกับระดับสูงสุดและต่ำสุดในกรอบเวลาเดียวกัน ทำให้เหมาะกับการวิเคราะห์จังหวะกลับตัวที่ชัดเจนกว่าในช่วงที่ราคามีความผันผวนสูง
วิธีคำนวณ
*%D เป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของ %K ในระยะเวลา 3 ช่วง
6. Bollinger Bands
Bollinger Bands เป็น Indicator พื้นฐานแต่มีประโยชน์มากๆ ในตลาด Forex เพราะสามารถใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มและการกลับตัวของราคาได้ หน้าตาจะแบ่งออกเป็น 3 เส้น ได้แก่ เส้นกลาง (Middle Band) ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และเส้นขอบบนกับเส้นขอบล่าง (Upper และ Lower Bands) ที่แสดงระดับการซื้อขายของคู่เงิน เมื่อราคาขยับเข้าใกล้เส้นขอบบนมักเป็นสัญญาณว่าอาจเป็นช่วง Overbought แต่หากขยับใกล้เส้นขอบล่างมักเป็นสัญญาณของ Oversold
Bollinger Bands ยังช่วยวัดความผันผวนของตลาด โดยเส้นขอบจะขยายออกเมื่อมีความผันผวนสูงและหดเข้าเมื่อความผันผวนต่ำ ทำให้สามารถใช้ในการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาได้ดี
7. ATR(Average True Range)
ATR เป็น Indicator ที่ใช้วัดระดับความผันผวนของราคา ช่วยให้สามารถกำหนดจุด Stop Loss ได้แม่นยำขึ้นโดยดูจากระดับความเคลื่อนไหวของราคา ATR จะช่วยแสดงข้อมูลของตลาด Forex แบบเฉลี่ย ยิ่งเส้น ATR สูงขึ้น ยิ่งแสดงถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้น ราคามักเหวี่ยงตัวไปมาเร็วและแรง ส่วน ATR ที่ต่ำบ่งบอกถึงความผันผวนที่น้อยลง ราคามักนิ่งหรือเคลื่อนไหวช้า แม้จะไม่ใช่การบอกทิศทางโดยตรง แต่การใช้ ATR จะช่วยให้เห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น
เลือก Indicator อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ?
การเลือก Indicator ที่เหมาะสมช่วยให้วิเคราะห์ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและปรับกลยุทธ์ได้ตามสถานการณ์การรู้จักเครื่องมือเหล่านี้จะทำให้การเทรด Forex ของคุณมีพื้นฐานที่แข็งแรง หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่มีข้อมูลและเครื่องมือครบครัน ลองเปิดบัญชีกับ Vantage แล้วเริ่มต้นเส้นทางการลงทุนของคุณไปพร้อมกับเราที่นี่