Important Information

You are visiting the international Vantage Markets website, distinct from the website operated by Vantage Global Prime LLP
( www.vantagemarkets.co.uk ) which is regulated by the Financial Conduct Authority ("FCA").

This website is managed by Vantage Markets' international entities, and it's important to emphasise that they are not subject to regulation by the FCA in the UK. Therefore, you must understand that you will not have the FCA’s protection when investing through this website – for example:

  • You will not be guaranteed Negative Balance Protection
  • You will not be protected by FCA’s leverage restrictions
  • You will not have the right to settle disputes via the Financial Ombudsman Service (FOS)
  • You will not be protected by Financial Services Compensation Scheme (FSCS)
  • Any monies deposited will not be afforded the protection required under the FCA Client Assets Sourcebook. The level of protection for your funds will be determined by the regulations of the relevant local regulator.

If you would like to proceed and visit this website, you acknowledge and confirm the following:

  • 1.The website is owned by Vantage Markets' international entities and not by Vantage Global Prime LLP, which is regulated by the FCA.
  • 2.Vantage Global Limited, or any of the Vantage Markets international entities, are neither based in the UK nor licensed by the FCA.
  • 3.You are accessing the website at your own initiative and have not been solicited by Vantage Global Limited in any way.
  • 4.Investing through this website does not grant you the protections provided by the FCA.
  • 5.Should you choose to invest through this website or with any of the international Vantage Markets entities, you will be subject to the rules and regulations of the relevant international regulatory authorities, not the FCA.

Vantage wants to make it clear that we are duly licensed and authorised to offer the services and financial derivative products listed on our website. Individuals accessing this website and registering a trading account do so entirely of their own volition and without prior solicitation.

By confirming your decision to proceed with entering the website, you hereby affirm that this decision was solely initiated by you, and no solicitation has been made by any Vantage entity.

I confirm my intention to proceed and enter this website Please direct me to the website operated by Vantage Global Prime LLP, regulated by the FCA in the United Kingdom

By providing your email and proceeding to create an account on this website, you acknowledge that you will be opening an account with Vantage Global Limited, regulated by the Vanuatu Financial Services Commission (VFSC), and not the UK Financial Conduct Authority (FCA).

    Please tick all to proceed

  • Please tick the checkbox to proceed
  • Please tick the checkbox to proceed
Proceed Please direct me to website operated by Vantage Global Prime LLP, regulated by the FCA in the United Kingdom.

×

คุณกำลังพลาดโอกาสในตลาดกระทิงอยู่หรือเปล่า?

ซื้อขายตอนนี้ >
ถึงเวลาที่คุณจะเคลื่อนไหวแล้วหรือยัง?

th

SEARCH

  • ทั้งหมด
    การค้าขาย
    แพลตฟอร์ม
    สถาบันการศึกษา
    การวิเคราะห์
    โปรโมชั่น
    เกี่ยวกับ
  • คำค้นหาสั้นเกินไป กรุณาใส่คำหรือวลีทั้งหมด
  • Search

Keywords

  • ฟอเร็กซ์
  • Vantage Rewards
  • ค่าธรรมเนียม

Access Restricted

Your access to this website is restricted.

Our website and services are not available to, and are not intended for, individuals who are citizens or residents of the United States, or entities incorporated in or conducting business within the United States.

If this does not apply to you and you believe you have received this message in error, please contact us at [email protected] for further assistance.

If you fall into any of the above categories, please exit the site.

  • facebook
  • instagram
  • twitter
  • linkedin
  • youtube
  • tiktok
  • spotify
ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และจีน: การอัปเดตสำคัญสำหรับเทรดเดอร์

สารบัญ

ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และจีน: การอัปเดตสำคัญสำหรับเทรดเดอร์

ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และจีน: การอัปเดตสำคัญสำหรับเทรดเดอร์

Vantage Updated Mon, 2025 May 19 02:05

ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงดำเนินต่อไป ยังคงสร้างความไม่แน่นอนให้กับเทรดเดอร์ทั่วโลก ในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดโลก ห่วงโซ่อุปทาน และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยรวม 

ประเด็นสำคัญ 

  • สหรัฐฯ กำหนดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 125% ส่งผลให้ตลาดเกิดปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรง และจีนก็มีมาตรการตอบโต้เช่นกัน 
  • ภาคเทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้า เกษตรกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค ต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงัก เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรง 
  • ในสภาพการณ์เช่นนี้ เทรดเดอร์พิจารณาใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ปลอดภัย การซื้อขายระยะสั้น และการลงทุนระยะยาว โดยอิงตามระดับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละบุคคลและการวิเคราะห์ตลาดเพื่อจัดการความเสี่ยง 

ไทม์ไลน์ของเหตุการณ์และการประกาศ 

นี่คือไทม์ไลน์ของเหตุการณ์สำคัญระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนตั้งแต่การเข้ารับตำแหน่งครั้งที่สองของทรัมป์ [1]

9 เมษายน 2568 

  • ประกาศ – ทรัมป์ตัดสินใจหยุดการขึ้นภาษีเป็นเวลา 90 วันสำหรับสินค้าทุกประเภท โดยไม่รวมจีน: เพียง 13 ชั่วโมงหลังจากมีการบังคับใช้ภาษี ทรัมป์ตัดสินใจหยุดชั่วคราวเป็นเวลา 90 วันสำหรับคู่ค้ามากกว่า 75 ประเทศ โดยคงไว้แค่ภาษีพื้นฐานเพียง 10% [2,3] ยกเว้นจีนประเทศเดียว โดยทรัมป์ประกาศเพิ่มภาษีตอบโต้เป็น 125% เพื่อตอบโต้ภาษี 84% จากจีน [4] 
  • มีผลบังคับใช้ภาษีนำเข้าสินค้าจีนรวม 104%: สหรัฐฯ ได้ดำเนินการบังคับใช้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างรุนแรงตามคำสั่งของทรัมป์อย่างเป็นทางการ ทำให้อัตราภาษีรวมเพิ่มขึ้นเป็น 104% ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ 
  • ประกาศ – จีนตอบโต้ด้วยภาษีนำเข้า 84% : จีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯที่อัตรา 84% เพื่อตอบโต้ภาษีใหม่จากสหรัฐฯ ประกาศในวันเดียวกัน ซึ่งยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกทวีความรุนแรงมากขึ้น 

8 เมษายน 2568 

  • ประกาศ – ขึ้นภาษีนำเข้าจีน 104%: เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้า 34% ของจีน ทรัมป์ประกาศแผนที่จะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีก 50% หากจีนไม่ยอมถอยภายในสวันที่ 8 เมษายน ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีนำเข้ารวมเป็น 104% [5] 

5 เมษายน 2568 

  • บังคับใช้แล้ว – ภาษี “วันปลดปล่อย” 10% สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าเกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐ: สหรัฐฯ เริ่มจัดเก็บภาษีศุลกากรสากล 10% สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าเกินเกณฑ์ขั้นต่ำ 800 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีข้อยกเว้นสำหรับสินค้า USMCA ส่วนใหญ่และรหัส HS บางรายการ [6] 

4 เมษายน 2568 

  • ประกาศ – จีนกำหนดภาษีตอบโต้สินค้าจากสหรัฐฯ 34% : จีนประกาศกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากสหรัฐฯ 34% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 เมษายน พร้อมด้วยข้อจำกัดในการส่งออกแร่หายากและมาตรการคว่ำบาตรองค์กรด้านกลาโหมของสหรัฐฯ จำนวน 30 แห่ง ส่งผลให้ข้อขัดแย้งทางการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้น 
     
  • ประกาศ – การยกเลิกการยกเว้นภาษีขั้นต่ำของสหรัฐฯสำหรับสินค้าจีน: ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่ยุติการยกเว้นภาษีมูลค่า 800 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับการขนส่งมูลค่าต่ำจากจีน ฮ่องกง และมาเก๊า โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 พฤษภาคม 

2 เมษายน 2568 

  • ประกาศ – “วันปลดปล่อย” ภาษีศุลกากรสากล 10% ของสหรัฐฯ : ทรัมป์ประกาศให้วันที่ 2 เมษายนว่าเป็น “วันปลดปล่อย” และประกาศภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เมษายน โดยจีนถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติม 34% ทำให้อัตราภาษีศุลกากรรวมเพิ่มขึ้นเป็น 54% ซึ่งถือเป็นการขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1930 

4 มีนาคม 2568 

  • มีผลบังคับใช้แล้ว – ภาษีศุลกากรต่อสินค้าจีน : การจัดเก็บภาษีศุลกากร 20% สำหรับสินค้าจีนมีผลบังคับใช้แล้ว 

3 มีนาคม 2568 

  • ประกาศ – กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 20% : คำสั่งฝ่ายบริหารฉบับใหม่กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจาก 10% เป็น 20% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม เนื่องจากจีนไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานสารโอปิออยด์สังเคราะห์ 

2 มีนาคม 2568 

  • ขยายเวลายกเว้นภาษีขั้นต่ำสำหรับสินค้าจีน: สหรัฐฯ ยืนยันว่าจะคงการยกเว้น 800 เหรียญสหรัฐฯ ไว้จนกว่าศุลกากรจะอัปเกรดระบบของตนให้สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

27 กุมภาพันธ์ 2568 

  • ประกาศ – ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10%: ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจีนทุกประเภทเป็นครั้งที่ 2 อีก 10% โดยจะเพิ่มอัตราภาษีทั้งหมดเป็น 20% ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 

10 กุมภาพันธ์ 2568 

  • มีผลบังคับใช้แล้ว – จีนกำหนดภาษีตอบโต้: จีนกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการจากสหรัฐฯ ในอัตรา 10-15% ซึ่งครอบคลุมถึงน้ำมันดิบ ยานพาหนะ เครื่องจักรกลการเกษตร ถ่านหิน และ LNG 

7 กุมภาพันธ์ 2568 

  • กลับมาใช้การยกเว้นภาษีขั้นต่ำสำหรับสินค้าจีน: สหรัฐฯ กลับมาใช้การยกเว้นภาษีสำหรับการขนส่งที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราวจนกว่าระบบศุลกากรจะสามารถจัดเก็บภาษีได้ [7] 

4 กุมภาพันธ์ 2568 

  • มีผลบังคับใช้ ภาษีนำเข้าจากจีน 10%: ภาษีนำเข้า 10% ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้เริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว 
     
  • มีผลบังคับใช้ยกเลิกการยกเว้นขั้นต่ำสำหรับการนำเข้าจากจีน: สินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐ จากจีนจะต้องเสียภาษี 10 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มเติมจากภาษีที่คงอยู่เดิม 
  • ประกาศ – จีนกำหนดภาษีตอบโต้: จีนประกาศกำหนดภาษี 10-15% สำหรับสินค้าบางรายการของสหรัฐฯ (จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์) และยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก 

1 กุมภาพันธ์ 2568 

  • ประกาศ ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10%: ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากจีน10% จะเริ่มมีผลในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของจีนในการควบคุมสารเฟนทานิล 
     
  • ประกาศ ยกเลิกการยกเว้นภาษีขั้นต่ำสำหรับสินค้ามูลค่าต่ำของจีน: สินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐ จากจีนและฮ่องกงจะถูกเก็บภาษี ซึ่งเป็นการสิ้นสุดการยกเว้นภาษีศุลกากรก่อนหน้านี้ 

มาตรการขึ้นภาษีล่าสุดของสหรัฐฯ 

รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งอาจสูงถึง 125% สำหรับสินค้าบางประเภท โดยเมื่อวันที่ 9 เมษายน สหรัฐฯ ได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 104% 

ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศระงับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับคู่ค้าทั้งหมด ยกเว้นจีนเป็นเวลา 90 วัน ติดตามการอัปเดตอัตราภาษีศุลกากรได้ที่นี่  

มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลให้ราคาสินค้าที่พึ่งพาการผลิตของจีนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทุนราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่แท้จริงยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ในตลาด 

ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาดเกิดขึ้นแล้ว เช่น ราคาหุ้นของ Apple (NASDAQ: APPL) ร่วงลง 20% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งการหยุดการขึ้นภาษีนำเข้า 90 วันล่าสุดทำให้ราคาหุ้นดีดตัวขึ้น 15% ในวันที่ 10 เมษายน [8] 

มาตรการตอบโต้ของจีน 

เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ โดยตรง จีนได้ออกมาตรการภาษีตอบโต้สูงถึง 84% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐฯ [9] การกระทำเหล่านี้ไม่ได้จำกัดเพยงแค่ภาษีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากและเปิดการตรวจสอบบริษัทสหรัฐฯ เช่น Google และ Nvidia ด้วยการสอบสวนเรื่องการผูกขาด [10] 

นอกเหนือจากการเคลื่อนไหวมาตรการทางการคลังในทันทีแล้ว จีนยังประกาศว่าจะไม่อนุญาตให้ค่าเงินหยวนของตนอ่อนค่าลงอย่างรุนแรงเพื่อทำให้สินค้าส่งออกของตนมีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจมากขึ้นในตลาดโลก ในทางกลับกัน รัฐวิสาหกิจของจีนได้ทยอยเข้าซื้อหุ้นในตลาดอย่างมีกลยุทธ์เพื่อช่วยพยุงเสถียรภาพของตลาดการเงิน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าปักกิ่งกำลังเตรียมพร้อมสำหรับความขัดแย้งทางเศรษฐกิจที่อาจยืดเยื้อ [11] 

จีนระบุว่าจะยังคงดำเนินมาตรการตอบโต้หากสหรัฐฯ ยังคงกดดันต่อไป ขณะที่ภาษีศุลกากรใหม่นี้อาจกำหนดเป้าหมายไปยังเศรษฐกิจเอเชียหลายแห่ง นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวต่อไป ประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ (ยกเว้นจีน) ได้รับการผ่อนผันเป็นเวลา 90 วัน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 

อ่านเกี่ยวกับวิธี การหยุดชะงักของการซื้อขายในตลาด เอเชีย 

การเจรจาการค้าและแถลงการณ์ทางการทูต [12] 

การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนดูเหมือนจะหยุดชะงักลง ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ JD Vance ให้สัมภาษณ์พร้อมถ้อยคำที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ส่งผลให้หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนตอบโต้ว่า “เป็นคำพูดที่โง่เขลาและไร้ความเคารพ” [13

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2025 ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มอีก 50% หากจีนไม่ยกเลิกมาตรการภาษีตอบโต้ ขณะที่ที่ปรึกษาอาวุโสจากสถาบันวิจัย เช่น China Center ที่ The Conference Board เตือนว่าหากจีนยอมอ่อนข้อเพียงฝ่ายเดียว อาจทำให้จุดยืนในการเจรจาของจีนอ่อนแอลง และเปิดโอกาสให้สหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองมากขึ้น 

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่ความท้าทายทางเศรษฐกิจในระยะยาว โดยตลาดการเงินโลกแสดงสัญญาณความผันผวนอยู่แล้ว หุ้นเอเชียร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ก่อนที่จะฟื้นตัวอย่างแรงหลังจากที่ทรัมป์ประกาศระงับการขึ้นภาษีนำเข้าเป็นเวลา 90 วัน 

ภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 

สหรัฐอเมริกาและจีนเป็นพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่สองรายของโลก โดยมีมูลค่าการค้ารวมรายปีเกิน 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐ [14] 

จีนเป็นผู้นำในการส่งออกมายังสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร และสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่สหรัฐฯ ส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เครื่องบิน และเครื่องจักรอุตสาหกรรมให้กับจีน 

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของภาษีศุลกากรที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกำลังสร้างความตึงเครียดให้กับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศนี้ โดยส่งผลกระทบในวงกว้างต่อหลายภาคส่วน 

เทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ 

การค้าดิจิทัลและห่วงโซ่อุปทาน: ภาคเทคโนโลยียังคงเป็นแนวหน้าของความขัดแย้งทางการค้านี้ โดยที่ภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงที่กระทบต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้บริโภคต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนทันที และความไม่แน่นอนของห่วงโซ่อุปทานในระยะยาว 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Apple ได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษ ความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาของ iPhone และ Mac ที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้เกิดแถวรอที่ยาวเหยียดหน้าร้าน Apple Store ในสหรัฐฯ เนื่องจากผู้บริโภครีบเร่งซื้อสินค้าก่อนที่ราคาที่ปรับขึ้นจะมีผล 

ความท้าทายด้านเซมิคอนดักเตอร์: สหรัฐฯ ได้ดำเนินการตามมาตรการเพื่อจำกัดการเข้าถึงไมโครชิปขั้นสูงของจีน ซึ่งจำเป็นสำหรับปัญญาประดิษฐ์และแอปพลิเคชันล้ำสมัยอื่น ๆ มาตรการจำกัดนี้ พร้อมกับอุปสรรคเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ยังเสี่ยงที่จะขัดขวางความทะเยอทะยานด้านเทคโนโลยีของจีน และขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้สหรัฐฯ มองหาพันธมิตรด้านเซมิคอนดักเตอร์รายใหม่ 

ยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ 

การผลิตแบตเตอรี่: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ถือเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาษีศุลกากรในปัจจุบัน เมื่อแบตเตอรี่เหล่านี้มีราคาแพงขึ้น ต้นทุนของ EV ก็อาจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งส่งผลต่ออัตราการยอมรับของผู้บริโภคต่อ EV 

การควบคุมทรัพยากรเชิงกลยุทธ์: ทั้งสองประเทศกำลังใช้ภาษีศุลกากรและกฎระเบียบเพื่อควบคุมการจัดหาแหล่งวัตถุดิบหลักของโลก เช่น ลิเธียม ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนและการเคลื่อนที่ด้วยไฟฟ้าทั่วโลก 

เกษตรกรรมและสินค้าโภคภัณฑ์ 

ผลกระทบด้านเกษตรกรรมของสหรัฐฯ: ในด้านการส่งออก ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของสหรัฐฯ โดยเฉพาะถั่วเหลือง ได้ตกเป็นเป้าหมายของมาตรการภาษีตอบโต้ของจีน ถั่วเหลืองมีความสำคัญต่อการเลี้ยงหมูของจีนซึ่งมีอยู่ประมาณ 440 ล้านตัว และการหยุดชะงักนี้อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอาหารและราคาอาหารทั่วโลก 

สินค้าโภคภัณฑ์ภายใต้แรงกดดัน: ลักษณะที่เชื่อมโยงกันของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐฯ และจีน หมายความว่าการปรับขึ้นภาษีศุลกากรอาจทำให้กระแสการค้าโลกหยุดชะงัก ปัจจุบัน สหรัฐฯ ขาดดุลกับจีนที่เกือบ 295 พันล้านดอลลาร์ และภาคเกษตรกรรมมีบทบาทสำคัญในสมการนี้ เกษตรกรและผู้ค้าสินค้าโภคภัณฑ์ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนมากขึ้น 

สินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีก 

สินค้าอุปโภคบริโภคที่ได้รับผลกระทบ: สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น สมาร์ทโฟน ของเล่น และเครื่องเล่นวิดีโอเกม คาดว่าจะมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น สมาร์ทโฟนคิดเป็นประมาณ 9% ของการบริโภคสมาร์ทโฟนทั้งหมดในสหรัฐฯ ที่นำเข้าจากจีน ซึ่งทำให้ผู้ค้าปลีกต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาอัตรากำไร และจัดการกับความคาดหวังของผู้บริโภค 

ความผันผวนของตลาดค้าปลีก: ผลกระทบจากภาษีศุลกากรไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีหรืออุตสาหกรรมเท่านั้น ผู้ค้าปลีก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องพึ่งพาสินค้าที่นำเข้าเป็นอย่างมาก อาจต้องเผชิญกับการหยุดชะงักของการจัดหา ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และช่วงเวลาปรับตัวที่ท้าทาย เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกกำลังปรับทิศทางใหม่ 

ปฏิกิริยาของตลาดต่อการใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ และการพักชำระภาษี 90 วัน 

การที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 125% ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดการเงินทั่วโลก ส่งผลให้ดัชนีหลักต่าง ๆ ตอบสนองแตกต่างกันออกไป และเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศหยุดพักการชำระภาษีเป็นเวลา 90 วัน ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นและความเคลื่อนไหวของตลาด 

ดัชนี [15] 

แผนภูมิที่ 1: แผนภูมิสำหรับ CSI 300, Nikkei 225, ดัชนี Hang Seng และ Kospi ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2025 ถึง 10 เมษายน 2025 ( https://www.tradingview.com/x/b623J0B1/

หลังจากที่ทรัมป์ประกาศหยุดเก็บภาษีนำเข้าเป็นเวลา 90 วันในวันที่ 9 เมษายน ตลาดหุ้นเอเชียก็มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสังเกตดังนี้: 

ก่อนที่จะมีการพักภาษี 90 วัน: 

  • ดัชนี CSI 300 ของจีน ลดลง 7 % เมื่อวันที่ 7 เมษายน สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าที่เพิ่มมากขึ้น 
  • ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง: ดัชนี Hang Seng เผชิญแรงกดดันอย่างหนัก โดยลดลง 8% เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2550 ซึ่งถือเป็นการลดลงอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 
  • ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น: ดัชนี Nikkei 225 ประสบกับความผันผวนอย่างมาก โดยร่วงลงเกือบ 8% ในวันจันทร์หลังจากการดำเนินการด้านภาษีศุลกากร ซึ่งถือเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่เป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์ 
  • ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้: ดัชนี Kospi ลดลง 5.57% เมื่อวันที่ 7 เมษายน สะท้อนถึงความกังวลในวงกว้างในภูมิภาค 

หลังจากประกาศพักภาษี 90 วัน: 

  • ดัชนี CSI 300 ของจีน: เมื่อวันที่ 10 เมษายน ดัชนี CSI 300 เพิ่มขึ้น 0.99% แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวเล็กน้อย 
  • ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง: ดัชนี Hang Seng เพิ่มขึ้น 1.8% ฟื้นตัวบางส่วนจากการขาดทุนก่อนหน้านี้ 
  • ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น: เมื่อวันที่ 10 เมษายน ดัชนี Nikkei 225 พุ่งขึ้น 8.45% สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กลับมาอีกครั้ง 
  • ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้: ในทำนองเดียวกัน ดัชนี Kospi เพิ่มขึ้นประมาณ 5% ซึ่งบ่งชี้ถึงการตอบสนองของตลาดที่เป็นบวก 

เงินหยวนของจีน  

ค่าเงินหยวนของจีนยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องภายใต้แรงกดดันจากความตึงเครียดด้านการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2025 ธนาคารกลางจีนได้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงประจำวันไว้ที่ 7.2066 ต่อดอลลาร์ ซึ่งถือว่าอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 [16] 

อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนในประเทศลดลงเหลือ 7.3499 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเกือบจะแตะระดับสำคัญ 7.3510 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2550 [17] การอ่อนค่าดังกล่าวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนสะท้อนถึงความกังวลของตลาดที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามภาษีที่ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการไหลออกของเงินทุนและความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดการเงินของจีน 

แม้ว่าธนาคารของรัฐจีนจะพยายามรักษาเสถียรภาพของสกุลเงิน เช่น การขายดอลลาร์สหรัฐในตลาดภายในประเทศ แต่แนวโน้มโดยรวมยังคงเป็นขาลง นักวิเคราะห์ชี้ว่า การควบคุมค่าเงินให้ค่อย ๆ อ่อนค่าลงอย่างมีแบบแผน เป็นกลยุทธ์ของจีนเพื่อชดเชยผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ โดยไม่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในระบบการเงิน 

เนื่องจากไม่มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากสหรัฐฯ ค่าเงินหยวนจึงอาจเผชิญแรงกดดันให้อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจีนไม่ได้รับการยกเว้นจากการหยุดการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 90 วัน ทำให้ค่าเงินหยวนกลายเป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับผู้ซื้อขายที่ติดตามทิศทางของสงครามการค้าในระยะต่อไป 

แผนภูมิที่ 2: ประสิทธิภาพของ USD/JPY ในช่วง 6 เดือน ( https://www.tradingview.com/x/vHTLoCRj/ ) 

สิ่งที่นักเทรดควรจับตา 

เทรดเดอร์ควรติดตามความผันผวนของตลาดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในภาคส่วนที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากจีนเป็นหลัก 

การประกาศนโยบายที่กำลังจะมีขึ้น 

  • แถลงการจากทำเนียบขาว: นอกเหนือจากการระงับภาษีศุลกากร 90 วันล่าสุดแล้ว ควรติดตามประกาศจากทำเนียบขาวเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนหรือการออกมาตรการภาษีใหม่เพิ่มเติม 
  • การเจรจาการค้า: แม้ว่าทรัมป์จะเปิดการเจรจาการค้ากับเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ แต่จีนยังไม้ได้รวมอยู่ในรายชื่อ อย่างไรก็ตาม จีนยังคงแสดงความพร้อมสำหรับการเจรจากับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ [18
  • การดำเนินการทางนิติบัญญัติ: อาจมีการดำเนินการของรัฐสภา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายภาษีศุลกากร เช่น ร่างกฎหมายที่กำหนดให้ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐสภาก่อนที่จะมีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรใหม่ 

​​รายงานผลกำไรจากภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ ​[19, 20, 21]  

ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายงานผลประกอบการจากภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ 

เทคโนโลยี: บริษัทอย่าง Apple อาจรายงานว่าผลประกอบการได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น 

การค้าปลีก: ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่มีห่วงโซ่อุปทานเชื่อมโยงกับจีนอาจเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและอัตรากำไรที่ลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคอาจเพิ่มขึ้น 

เกษตรกรรม: เกษตรกรสหรัฐมีแนวโน้มที่จะสูญเสียรายได้จากการที่จีนเรียกเก็บภาษีตอบโต้ต่อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ส่งผลให้การส่งออกลดลงและมีความไม่แน่นอนทางรายได้เพิ่มมากขึ้น 

การผลิต: อัตราภาษีที่สูงขึ้นสำหรับเหล็กและอลูมิเนียมส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรและขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และการก่อสร้าง 

การประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐฯ และจีนและการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจ [22] 

คาดว่าผู้นำระดับสูงของจีนจะจัดการประชุมระดับสูงในสัปดาห์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจและตลาดทุน โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ จะร่วมกันพิจารณานโยบายที่มุ่งเน้นการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ สนับสนุนตลาด และอาจนำการลดหย่อนภาษีส่งออกมาใช้ด้วย 

การประชุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเร่งด่วนที่เพิ่มมากขึ้นในกรุงปักกิ่ง เนื่องจากเผชิญกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินการทางการค้าของสหรัฐฯ 

การจัดการความเสี่ยงในสภาวะที่ผันผวน 

ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนเพิ่มมากขึ้น การจัดการความเสี่ยงจึงมีความสำคัญต่อเทรดเดอร์และนักลงทุนมากกว่าที่เคย 

​​การซื้อขายสินทรัพย์ปลอดภัย​ 

ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เทรดเดอร์มักหันไปลงทุนใน สินทรัพย์ปลอดภัย แบบดั้งเดิม 

ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าไว้ได้ในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน โดยความต้องการมักจะเพิ่มขึ้นเมื่อความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรง ในทำนองเดียวกัน พันธบัตรกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ยังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและการรักษาเงินทุน 

การรวมสินทรัพย์เหล่านี้เข้าในพอร์ตการลงทุนของคุณอาจช่วยสร้างสมดุลในการรับความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่แน่นอนในสถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เปลี่ยนแปลงไป 

​​โอกาสในกลยุทธ์ระยะสั้นเทียบกับระยะยาว​ 

สภาพแวดล้อมทางตลาดในปัจจุบันเปิดโอกาสให้กับกลยุทธ์การลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว 

นักลงทุนระยะสั้นอาจใช้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากความตึงเครียดทางการค้า เช่น เทคโนโลยี สินค้าโภคภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ในทางกลับกัน นักลงทุนระยะยาวอาจมองเห็นโอกาสในหุ้นที่ถูกขายมากเกินไป หรือภาคส่วนที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าจริงที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง 

ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์ หรือการสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายและยืดหยุ่นเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญคือ การมีวินัยและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ 

​​ติดตามข่าวสารกับ Vantage​ 

ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงดำเนินอยู่ การติดตามการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ความเคลื่อนไหวของตลาด และการพัฒนาในแต่ละภาคส่วนอย่างใกล้ชิดจึงมีความสำคัญมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันความเสี่ยงหรือมองหาโอกาสใหม่ การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ทันท่วงทีและเครื่องมือการซื้อขายที่เชื่อถือได้สามารถช่วยให้คุณมีความได้เปรียบทางการแข่งขันได้ 

ลงทะเบียนบัญชี Vantage และสำรวจเครื่องมือการซื้อขายอันทรงพลังและข้อมูลเชิงลึกทันเหจุการณ์ เพื่อช่วยให้คุณนำหน้าการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก 

อ้างอิง:

  1. “2025 U.S. tariffs – Zonos” https://zonos.com/docs/guides/2025-us-tariff-changes. Accessed 10 April 2025.  
  2. “What just happened? Making sense of Trump’s tariff pause – The Straits Times” https://www.straitstimes.com/business/economy/what-just-happened-making-sense-of-trumps-tariff-pause. Accessed 10 April 2025.  
  3. “Trump tariffs: ‘Do not retaliate and you will be rewarded,’ White House says – CNBC” https://www.cnbc.com/2025/04/09/trump-tariffs-live-updates.html. Accessed 10 April 2025.  
  4. “US pauses higher tariffs for most countries after market havoc, but hits China harder – BBC”. https://www.bbc.com/news/articles/c5y66qe404po. Accessed 10 April 2025.  
  5. Trump Threatens to Slap an Additional 50% Tariff on China – The Wall Street Journal” https://www.wsj.com/livecoverage/stock-market-trump-tariffs-trade-war-04-07-25/card/trump-threatens-higher-tariffs-on-china-in-new-social-media-post-FBdyJkNi4IjF8qmBtx59?. Accessed 10 April 2025.  
  6. “What’s in Trump’s sweeping new reciprocal tariff regime – Reuters” https://www.reuters.com/world/us/whats-trumps-sweeping-new-reciprocal-tariff-regime-2025-04-03/. Accessed 10 April 2025.  
  7. “Trump pauses de minimis repeal as packages pile up at US customs – Reuters” https://www.reuters.com/business/trump-signs-order-delaying-tariffs-de-minimis-imports-china-2025-02-07/. Accessed 10 April 2025.  
  8. “Apple Inc. – MarketWatch” https://www.marketwatch.com/investing/stock/aapl. Accessed 10 April 2025.   
  9. “China slaps 84% retaliatory tariffs on U.S. goods in response to Trump – CNBC” https://www.cnbc.com/2025/04/09/china-slaps-retaliatory-tariffs-of-84percent-on-us-goods-in-response-to-trump.html. Accessed 10 April 2025.  
  10. “China announces measures against Google, other US firms, as trade tensions escalate – Reuters” https://www.reuters.com/technology/china-anti-monopoly-regulator-launches-probe-into-google-2025-02-04/. Accessed 10 April 2025.  
  11. “Exclusive: China’s central bank asks state lenders to reduce dollar purchases, sources say – Reuters” https://www.reuters.com/world/china/chinas-central-bank-asks-state-lenders-reduce-dollar-purchases-sources-say-2025-04-09/. Accessed 10 April 2025.  
  12. “China is not backing down from Trump’s tariff war. What next? – BBC” https://www.bbc.com/news/articles/ckg51yw700lo. Accessed 10 April 2025.  
  13. “Beijing attacks JD Vance’s ‘Chinese peasants’ remark in tariffs interview – The Guardian” https://www.theguardian.com/world/2025/apr/08/beijing-attacks-jd-vances-chinese-peasants-remark-in-tariffs-interview. Accessed 10 April 2025.  
  14. “Total value of U.S. trade in goods (export and import) with China from 2014 to 2024 – Statista” https://www.statista.com/statistics/277679/total-value-of-us-trade-in-goods-with-china-since-2006/. Accessed 10 April 2025.  
  15. “Hang Seng Index sidesteps bear trap as Trump’s tariff kick-off mauls Asia-Pacific markets – South China Morning Post” https://www.scmp.com/business/china-business/article/3305755/hong-kong-stocks-fall-following-rebound-us-tariffs-china-loom-large?module=latest&pgtype=homepage. Accessed 10 April 2025.  
  16. “Beijing signals determination to defend currency after offshore yuan tumbles to record low – South China Morning Post” https://www.scmp.com/economy/china-economy/article/3305751/offshore-yuan-hits-record-low-us-readies-additional-50-tariffs-imports-china. Accessed 10 April 2025.  
  17. “Yuan falls to 2007 lows as US tariffs on China kick in – Reuters” https://www.reuters.com/markets/currencies/yuan-falls-2007-lows-us-tariffs-china-kick-2025-04-09/. Accessed 10 April 2025.  
  18. “The United States and China are locked in a faceoff over tariffs. No one wants to blink first – ABC News” https://abcnews.go.com/US/wireStory/united-states-china-locked-faceoff-tariffs-blink-120656265. Accessed 10 April 2025.  
  19. “Tariff-related iPhone price increases estimated to be lower than feared – AI” https://appleinsider.com/articles/25/04/07/new-post-tariff-iphone-cost-estimate-comes-in-much-lower-at-just-29-more. Accessed 10 April 2025.  
  20. “Trump’s Tariffs Disrupt Global Sportswear; Shenzhou, Amer, and Asics Face Earnings Pressure – Morningstar” https://www.morningstar.com/company-reports/1272780-trumps-tariffs-disrupt-global-sportswear-shenzhou-amer-and-asics-face-earnings-pressure. Accessed 10 April 2025.  
  21. “Trump Tariff: Sectors That Are Worst Hit – Analytics Insight” https://www.analyticsinsight.net/photo/trump-tariff-sectors-that-are-worst-hit. Accessed 10 April 2025.  
  22. “Exclusive-China to hold high-level meeting in response to US tariffs, say sources – MSN” https://www.msn.com/en-ca/money/general/exclusive-china-to-hold-high-level-meeting-in-response-to-us-tariffs-say-sources/ar-AA1CzPoZ. Accessed 10 April 2025. 
  • vantage academy open account

    เปิดบัญชีการซื้อขาย

    ค้นพบความเป็นไปได้ในการซื้อขายที่ไม่มีที่สิ้นสุดด้วยแพลตฟอร์มที่ทันสมัยของเรา ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทั้งผู้เริ่มต้นและนักเทรดที่มีประสบการณ์ ปลอดภัยไร้ความเสี่ยงด้วยบัญชีทดลอง

  • vantage academy app

    ดาวน์โหลดแอป Vantage

    แอปการซื้อขายที่ราบรื่นซึ่งได้รับความนิยมและสามารถเข้าถึงตลาดทั้งหมดในมือของคุณ

  • vantage academy start trading

    เริ่มต้นซื้อขาย

    เข้าสู่ระบบบัญชีของคุณเพื่อเริ่มต้นซื้อขายผลิตภัณฑ์กว่า 1,000 รายการ รวมถึง Forex, ดัชนี, ทองคำ, หุ้นและอื่น ๆ