การทำกำไรในตลาด Forex มีวิธีการที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และมุมมองต่อสถานการณ์ตลาดในเวลานั้นๆ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการเทรดตามรายใหญ่เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะของคุณที่เรียกว่า Smart Money Concept
Smart Money Concept คืออะไร ?
การเทรดแบบ Smart Money Concept(SMC) คือ แนวทางการเทรดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของรายใหญ่ในตลาด หรือกลุ่ม Smart Money
มีต้นกำเนิดมาจากเทรดเดอร์ที่มีชื่อว่า Michael J. Huddleson ที่ยึดหลักการของคำว่า “ทุกตลาดมีรายใหญ่” ในตลาด Forex หรือ ทองคำก็เช่นกัน
ซึ่งอาจหมายถึงกลุ่มกองทุนหรือสถาบันการเงินหรือกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่มีเงินจำนวนมากๆ ที่สามารถลงเงินเข้าไปในตลาดเพื่อกำหนดทิศทางของราคาได้ตามเป้าหมายที่รายใหญ่ต้องการ ในฐานะของนักเทรดหากเข้าใจเทคนิค SMC จะสามารถอาศัยจังหวะเหล่านี้ทำกำไรได้ เปรียบเสมือนการว่ายน้ำตามกระแสของคลื่นได้เลย
องค์ประกอบสำคัญของ Smart Money Concept
1.Market Structure
Market Structure ถือเป็นหัวใจสำคัญของ SMC เพราะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมราคาตลาดที่รายใหญ่ต้องการ เราจะเห็นพฤติกรรมของรายใหญ่ได้ชัดเจนขึ้นจากร่องรอยการเคลื่อนไหวของราคา แล้วเราจะสังเกตจากอะไรได้บ้าง ไปดูกัน
1.1 แนวโน้มของตลาด
แนวโน้มของตลาด Market Trend คือ การดูแนวโน้มของตลาดเพื่อคาดการณ์ความเป็นไปของราคา จะสองคล้องกับ Dow Theory ที่ว่าตลาดมักมีแนวโน้ม 3 แบบ ได้แก่
Uptrend(ขาขึ้น), Downtrend(ขาลง) และ Sideway(ยังไม่เลือกทิศทางที่ชัดเจน)
1.2 แนวโน้มหลักและแนวโน้มรอง
นอกจากการดู Market Trend เพื่อหาแนวโน้มหลักแล้ว การดู Major & Minor Structure ก็สำคัญ เพราะในความเป็นจริง กราฟราคาไม่ได้ขึ้นหรือลงเป็นทางเดียวชัดเจนเหมือนเวลาที่เราตีเส้น แต่เมื่อเลือก time frame ที่เล็กลงมาแล้ว เราก็จะพบว่ามีการขึ้น-ลงของราคาอยู่เสมอหรือแนวโน้มรองนั่นเอง การดูทั้งแนวโน้มหลักและแนวโน้มรองเหมือนเป็นการ recheck ว่าจริงๆ แล้วเรากำลังเทรดอยู่ในแนวโน้มตลาดภาพใหญ่ ภาพกลาง หรือภาพเล็กแบบไหน ซึ่งมีประโยชน์ตรงที่ทำให้เรารู้ว่าเรากำลังเทรดตามแนวโน้มของตลาด หรือ เรากำลังสวนแนวโน้มของตลาดอยู่กันแน่
1.3 Change of Character(CHoCH)
Change of Character หรือ CHoCH ใน SMC เป็นลักษณะของ “โอกาส” ในการเปลี่ยนแนวโน้มของตลาดจากขาขึ้นเป็นขาลง หรือจากขาลงเป็นขาขึ้น โดยจะเกิดขึ้นเมื่อ Market Structure เปลี่ยนแปลง เช่น จาก Higher High (HH) และ Higher Low (HL) ในแนวโน้มขาขึ้น กลายเป็น Lower High (LH) และ Lower Low (LL) ในแนวโน้มขาลง ซึ่งจุดเปลี่ยนนี้มักเกิดในโซนสำคัญที่รายใหญ่เข้ามาทำการซื้อขาย แต่เป็นเพียง “สัญญาณ” ยังไม่ได้เป็นการ “ยืนยัน” ได้ ตรงนี้นักเทรดต้องตรวจสอบให้ดี เพราะอาจเกิดสัญญาณหลอกได้เช่นกัน
1.4 Break of Structure(BOS)
หลังจากเห็นสัญญาณของ CHoCH ไปแล้วว่าเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแนวโน้ม หากกราฟวิ่งไปต่อในทิศทางใหม่ นี่คือการเกิด BOS ที่เป็นการยืนยันว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นจะไปต่อ
2.Demand and Supply Zone
Demand & Supply Zone หมายถึง ช่วงราคาที่มีปริมาณการซื้อขายหนาแน่น ซึ่งมักปรากฏในบริเวณที่กราฟเคลื่อนไหวแบบ Sideway ในระยะหนึ่ง
2.1 Demand Zone : หากโซนนี้อยู่ในระดับล่างของกราฟ แสดงว่ามีการซื้อ (Demand) สูงในช่วงราคานี้ สะท้อนให้เห็นว่าราคาในโซนนี้ถูก ผู้ซื้อสนใจเข้าซื้อจำนวนมาก และอาจส่งผลให้ราคาปรับตัวขึ้นในอนาคต
2.2 Supply Zone : หากโซนนี้อยู่ในระดับบนของกราฟ แสดงว่ามีการขาย (Supply) สูงในช่วงราคานี้ บ่งชี้ว่าราคาสินทรัพย์ในโซนนี้แพงเกินไป ผู้ขายจึงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง และอาจทำให้ราคาปรับตัวลงในอนาคต
การรู้ Demand & Supply Zone จะช่วยให้เราเห็นจุดที่รายใหญ่เข้ามาสร้างแรงซื้อหรือแรงขายในโซนราคาตรงนี้ ซึ่งมักเป็นจุดที่ราคามีโอกาสกลับตัวหรือเคลื่อนที่แรงๆ เมื่อรายใหญ่เปิดหรือปิดคำสั่งซื้อขาย เราจะสามารถจับจังหวะเข้า-ออกที่แม่นยำ และเทรดตามกระแสของรายใหญ่ได้ง่ายขึ้น
ต่อมา เมื่อสังเกต Demand & Supply Zone แล้ว เราจะพบ Order Block ซึ่งเป็นจุดที่รายใหญ่เปิดคำสั่งซื้อหรือขายจำนวนมากเพื่อกำหนดทิศทางของตลาด โดยมักปรากฏในรูปแท่งเทียนเด่นชัดก่อนราคาจะเคลื่อนไหวแรง ๆ หากเราสังเกต Oder Block ได้ดีก็จะช่วยให้มองเห็นจุดที่ราคามีโอกาสกลับมาทดสอบ และเข้าเทรดได้แม่นยำตามรอยรายใหญ่ได้นั่นเอง
3.Liquidity Grab
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่รายใหญ่ใช้เพื่อให้ได้ในราคาที่ต้องการคือการทำ Liquidity Grab เพื่อเป็นการหลอกล่อนักลงทุนรายย่อย (Inducement) โดยทำให้ดูเหมือนว่าราคากำลังถึงจุดต่ำสุดหรือสูงสุด เพื่อให้นักลงทุนเปิดคำสั่งซื้อหรือขายในจุดนั้น จากนั้นจึงทำ Fake Breakout หรือดันราคาไปอีกด้านชั่วคราว เพื่อกวาดคำสั่ง (Stop Loss หรือ Pending Orders) ก่อนที่จะดันราคากลับไปในทิศทางที่ต้องการ สถานการณ์นี้มักเรียกว่า “ซื้อล่อเม่า” หรือ “ทุบราคา” ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสให้รายใหญ่เก็บของได้ในราคาที่ต้องการ
เมื่อเห็น Liquidity Grab จะทำให้เราไม่หลงกลรายใหญ่ หรือจะใช้เป็นโอกาสหาจุดเข้าที่แม่นยำตามหลักการของ SMC ได้ด้วย
4.Fair Value Gap
Fair Value Gap คือช่องว่างของราคาที่เกิดจากการขึ้นหรือลงของราคาแบบรุนแรงจนทำให้นักลงทุนไม่สามารถเข้า Order ได้ทัน ช่องว่างนี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่มีแรงซื้อหรือขายจากรายใหญ่มากเป็นพิเศษ ซึ่งดันราคาจากจุดหนึ่งไปอีกจุดอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่น่าสนใจคือ ราคามักจะกลับมาปิดช่องว่างนี้ในอนาคต เพราะรายใหญ่ต้องการสร้างสมดุลให้ตลาด หรืออาจมีคำสั่งที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็มในจุดนี้ หากเราสังเกต Fair Value Gap ได้ จะช่วยให้เราหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำและได้เปรียบมากขึ้น เพราะเป็นจุดที่มีโอกาสเกิดการกลับตัวหรือการปรับฐานของราคา
Smart Money Concept จะช่วยให้การเทรดประสบความสำเร็จได้อย่างไร ?
จะดีแค่ไหนถ้าคุณเป็นนักเทรดที่รู้เท่าทันตลาดและพฤติกรรมของเจ้าตลาดไปพร้อมกัน ทำให้เราสามารถเข้าใจ Demand-Supply จากสถานการณ์ ณ ตอนนั้นได้จริง หากนำหลักการ SMC มาเป็นกลยุทธ์ในการเทรด Forex แล้ว นี่เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การเทรดของคุณไม่ถูกรายใหญ่หลอกได้ง่ายๆ และจับจังหวะในการเทรดได้อย่างแยบยลเช่นเดียวกับรายใหญ่
และเพื่อให้การเทรดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น Vantage พร้อมเป็นทางเลือกให้กับคุณ ด้วยแพลตฟอร์มของเราที่ครบครัน รองรับกลยุทธ์ SMC ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Forex, ทองคำ, ดัชนีหรือสินทรัพย์อื่นๆ รวมถึงเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มเทรดที่หลากหลายทั้ง MT4, MT5 หรือ Trading View อำนวยความสะดวกให้กับนักเทรด เปิดบัญชีกับเราที่นี่