เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 ตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญกับความปั่นป่วนอย่างหนักหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าครั้งยิ่งใหญ่ การประกาศดังกล่าวส่งผลให้ตลาดการเงินเกิดปฏิกิริยาตอบโต้อย่างฉับพลันและรุนแรง ทำให้เกิดความกลัวเกี่ยวกับสงครามการค้าอีกครั้ง และกระตุ้นให้เกิดความไม่แน่นอนในหมู่นักลงทุนอย่างกว้างขวาง
บทความนี้จะเจาะลึกถึงการประกาศดังกล่าวและปัจจัยร่วมอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ตลาดตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ประเด็นสำคัญ
- มาตรการภา๊แบบครอบคลุมของทรัมป์กระตุ้นให้เกิดการเทขายในตลาดโลกครั้งใหญ่ ส่งผลให้มูลค่าหายไปหลายล้านล้านดอลลาร์
- ดัชนีหลักตกฮวบ โดย Nasdaq เข้าสู่สถาวะขาลง และ Dow ประกาศขาดทุนติดต่อกันแบบวันต่อวัน
- นักลงทุนแห่เข้าสู่สินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ พันธบัตร และเงินเยน ขณะที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลก็ร่วงลงอย่างหนักเช่นกัน
อะไรทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำ [1]
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศนโยบายภาษีศุลกากรใหม่ที่กำหนดอัตราภาษีศุลกากรคงที่ 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน โดยภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นหรือสิ่งที่ทำเนียบขาวเรียกว่า “ภาษีแบบตอบโต้” ถูกกำหนดไว้สำหรับประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลจำนวนมากกับสหรัฐฯ (หรือที่ทรัมป์เรียกว่า “ตัวการสำคัญ” เพื่อใช้คำพูดของทรัมป์) ได้แก่ 34% สำหรับจีน, 20% สำหรับสหภาพยุโรป และ 24% สำหรับญี่ปุ่น การเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างสมดุลใหม่ให้กับการค้า ปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ และผลักดันให้บริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งโรงงานผลิตสินค้าในอเมริกา
ประกาศดังกล่าวสร้างความตกตะลึงให้กับนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากการขาดความระมัดระวังและไม่มีการเตรียมตัว ส่งผลให้เกิดความกลัวว่าสงครามการค้าจะปะทุขึ้นอีกครั้ง ตลาดตกต่ำอย่างรวดเร็วเมื่อเทรดเดอร์ตอบสนองต่อขนาดและความเร็วของภาษีศุลกากร โดยไม่มีความชัดเจนว่ามาตรการเหล่านี้จะดำเนินไปนานแค่ไหน ความไม่แน่นอนดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการเทขายหุ้นจำนวนมาก และส่งแรงสั่นสะเือนไปทั่วทุกตลาดในโลก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ภาษีแบบตอบโต้ ของทรัมป์ได้ในบทความฉบับเต็มของเรา
ตลาดหุ้นตอบสนองอย่างไร?
ตลาดทั่วโลกเกิดการร่วงลงอย่างกว้างขวาง ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเปลี่ยนเป็นหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอย่างชัดเจน ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการค้าและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจกระตุ้นให้เกิดการเทขายอย่างหนักในดัชนีหลักทั้งหมด
ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา [2,3,4]
หุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 เนื่องจากนักลงทุนเตรียมรับมือกับการขาดทุนเพิ่มเติมหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศมาตรการภาษีแบบครอบคลุม
- ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 5.5%
- S&P 500 ลดลง 6%
- Nasdaq-100 ลดลง 5.8%
การร่วงลงอย่างรุนแรงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดร่วงลงอย่างหนักเป็นเวลา 2 วันติดต่อกันในสัปดาห์ก่นหน้า โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงติดต่อกันกว่า 1,500 จุดเป็นครั้งแรก รวมถึงการร่วงลง 2,231 จุดในวันศุกร์เพียงวันเดียว ซึ่งคิดเป็นการร่วงลง 5.5% ในขณะเดียวกัน ดัชนี S&P 500 ร่วงลงเกือบ 11% ในระยะเวลาเพียง 2 วัน ซึ่งเป็นการร่วงลง 2 วันติดต่อกันที่เลวร้ายเป็นอันดับ 3 ในศตวรรษนี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq เข้าสู่สภาวะขาลงอย่างเป็นทางการหลังจากร่วงลง 22% จากจุดสูงสุด
แม้จะมีการเทขาย แต่ทำเนียบขาวยังคงยืนหยัดในกลยุทธ์ด้านภาษีของตนเอง ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า “ฉันไม่ต้องการให้อะไรตกต่ำลง แต่บางครั้งคุณต้องกินยาเพื่อรักษาอาการบางอย่าง” [5] ตลาดยังคงตึงเครียดหลังจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ โดยคาดว่าความผันผวนจะยังคงสูงอยู่
ตลาดเอเชีย [6,7,8]
หุ้นเอเชียร่วงลงทันที่เมื่อเปิดตลาดเมื่อวันที่ 7 เมษายน ส่งผลให้เกิดการเทขายหุ้นทั่วโลกที่เกิดจากความตึงเครียดเรื่องภาษีศุลกากรและการร่วงลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นร่วงลงเกือบ 9% ในการซื้อขายช่วงเช้า ส่งผลให้ต้องระงับการซื้อขายชั่วคราวก่อนปิดตลาดที่ระดับ 31,136.58 จุด ลดลง 7.9% ดัชนี Topix ร่วงลง 7.7% ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ต้องหยุดการซื้อขายหลังจากขาดทุนอย่างหนัก
ดัชนี Nikkei เข้าสู่ภาวะขาลงอย่างเป็นทางการหลังจากร่วงลงมากกว่า 20% จากจุดสูงสุดในเดือนธันวาคม การเทขายอย่างตื่นตระหนกได้แผ่กระจายไปทั่วภูมิภาค โดยดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงร่วงลงเกือบ 12% เมื่อสิ้นสุดวันการซื้อขาย ส่วนในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งตลาดเพิ่งเปิดทำการอีกครั้งหลังจากวันหยุดราชการ ดัชนี Shanghai Composite และ CSI300 ร่วงลงมากกว่า 7%
กล่าวโดยสรุป ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วเอเชียได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นของจากสงครามการค้าโลก มาตรการภาษีในภูมิภาคนี้สูงกว่าที่อื่นเนื่องจากประเทศเหล่านี้ให้ความสำคัญกับการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก ซึ่งหมายความว่ามีผลกระทบที่รุนแรงมาก การปรับขึ้นภาษีศุลกากรอย่างกะทันหันและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการตอบโต้ที่อาจเกิดขึ้นทำให้เกิดความกลัวต่อการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจในระยะยาว ที่ตามมาคือความเชื่อมั่นต่อความเสี่ยงลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การซื้อขายในเอเชียตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี
ตลาดยุโรปและสหราชอาณาจักร [9]
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดด้วยการร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันที่ 7 เมษายน สืบเนื่องจากการขาดทุนอย่างหนักจากสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่มาตรการภาษีของทรัมป์ยิ่งทำให้ความวิตกของบรรดานักลงเพิ่มขึ้น ในช่วงหนึ่ง ดัชนีฟิวเจอร์ส Euro Stoxx 50 ร่วงลงกว่า 6% ต่อเนื่องจากการลดลง 8% ในสองวันก่อนหน้า ดัชนี DAX ของเยอรมนีซึ่งได้รับผลกระทบจากการค้าโลกอย่างหนัก ร่วงลง 10% เมื่อเปิดตลาด ขณะที่ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศสร่วงลง 6.6% และดัชนี FTSE MIB ของอิตาลีร่วงลง 5.7% ดัชนี FTSE 100 ของสหราชอาณาจักรร่วงลง 6% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 7,566
ดัชนี VIX [10,11]
ดัชนี ความผันผวน Cboe (VIX) ซึ่งใช้วัดความผันผวนของตลาดที่คาดว่าจะเกิดขึ้น พุ่งขึ้นแตะระดับ 45.31 อย่างรวดเร็วเมื่อวันที่ 4 เมษายน ซึ่งเป็นระดับปิดตลาดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 และพุ่งขึ้นอีกครั้งในวันที่ 7 เมษายน ก่อนที่จะมีการย่อตัวลง
ดัชนี VIX ซึ่งมักเรียกกันว่า “มาตรวัดความกลัวของวอลล์สตรีท” พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากความวิตกกังวลของนักลงทุนจากความกลัวว่าสงครามการค้าจะทวีความรุนแรง ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าดัชนี VIX ที่สูงกว่า 40 บ่งชี้ถึงความเครียดอย่างรุนแรงในตลาด ซึ่งมักเชื่อมโยงกับความเสี่ยงในวงกว้าง เช่น ปัญหาสินเชื่อหรือการแพร่กระจายของความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น
ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นเกิดขึ้นในขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน และความต้องการซื้อสัญญา put option ซึ่งใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุนเพิ่มเติมนั้นก็เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์
ตลาดหุ้นขาดทุนไปมากแค่ไหน? [12,13,14]
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูญเสียมูลค่าไปแล้ว 11.1 ล้านล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่วันเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีทรัมป์ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต้องรับภาระหนักที่สุด จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้าตอบโต้ทำให้ตลาดทั่วโลกขาดทุนอย่างเป็นประวัติการณ์ การเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหันทำให้บรรดานักลงทุนไม่ทันตั้งตัว ในขณะที่ตลาดได้คาดการณ์การปรับเพิ่มภาษีโดยเฉลี่ยที่ 8.6% สำหรับปี 2025 แต่ทรัมป์กลับขึ้นภาษีเกือบ 20% เมื่อวันที่ 2 เมษายน
การเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิดนี้ก่อให้เกิดการเทขายหุ้นอย่างตื่นตระหนก ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูญเสีย มูลค่าไป 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียง 2 วัน ซึ่งถือเป็นการขาดทุนในช่วงเวลาสองวันที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ กลุ่มหุ้นที่เรียกว่า Magnificent 7 ได้แก่ Apple, Amazon, Meta, Microsoft, Alphabet, Tesla และ Nvidia สูญเสียมูลค่ารวมกันถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 2 วัน
- แอปเปิล : ลดลง533 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- เทสล่า : ลดลง 139 พันล้านเหรียญ
- Nvidia : ลดลง 393 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- เมต้า : ลดลง 2 แสนล้านเหรียญ
- อเมซอน : ลดลง 265 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- ไมโครซอฟต์ : ลดลง 165 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- Alphabet : ลดลง 139 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ผลกระทบต่อ ประเภทสินทรัพย์อื่น ๆ [15,16,17]
ในขณะที่ตลาดหุ้นร่วงลง นักลงทุนได้หันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิมเพื่อบริหารความเสี่ยงและรักษาเงินทุนไว้ เงินเยนของญี่ปุ่นและฟรังก์สวิสแข็งค่าขึ้นกว่า 3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการสกุลเงินที่เพิ่มขึ้นต่อสกุลเงินซึ่งโดยปกติแล้วจะถือว่ามีเสถียรภาพในช่วงที่ตลาดตึงเครียด
ในขณะเดียวกัน ตลาดพันธบัตรก็พบว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนลดลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลง 89bps เหลือ 3.87% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีลดลงเหลือ 1.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024
ราคาทองคำ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากการประกาศขึ้นภาษีศุลกากร โดยได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดด้านการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น อุปสงค์ที่แข็งแกร่งของธนาคารกลางทั่วโลก และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,167.57 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 3 เมษายน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ 7 เมษายน ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลง 1.9% เหลือ 2,981.09 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม ส่งผลให้นักวิเคราะห์บางส่วนเตือนว่าในระยะสั้นนี้ ทองคำอาจเข้าสู่สาวะการซื้อมากเกินไป
การเทขายยังขยายไปถึงสกุลเงินดิจิทัลด้วย โดย Bitcoin ร่วงลง 12% นับตั้งแต่มีการประกาศภาษีศุลกากร และร่วงลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 74,700 ดอลลาร์ ตลาดสกุลเงินดิจิทัลโดยรวมสูญเสียมูลค่าตลาดรวมไป 9% เนื่องจากนักลงทุนถอนตัวออกจากสินทรัพย์เสี่ยง Altcoin หลัก ๆ เช่น Ethereum, XRP และ Solana ต่างก็ขาดทุนตั้งแต่ 7% ถึง 10% ซึ่งเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาพแวดล้อมที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยงอย่างกว้างขวาง
แนวโน้มตลาด: สิ่งที่รออยู่ข้างหน้า
ฟอเร็กซ์
หากประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ส่งสัญญาณว่าจะเปลี่ยนนโยบายภาษีศุลกากร ภาวะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจะทำให้สกุลเงินปลอดภัย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล (ซึ่งก็คือประเทศที่ไม่ได้พึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศ) จะยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก เราคาดว่า JPY และ CHF จะมีผลดำเนินการที่ดีกว่าจนกว่าความไม่แน่นอนจะคลี่คลาย
ตลาดเกิดใหม่และสกุลเงินดอลลาร์สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น AUD และ NZD จะได้รับผลกระทบในสภาพแวดล้อมนี้ ดอลลาร์มีความเปราะบางเนื่องจากตลาดให้ความสำคัญกับผลกระทบเชิงลบของภาษีศุลกากรต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หากเกิดความไม่สมดุลอย่างรุนแรงนักลงทุนอาจหันกลับมาถือดอลลาร์ หรือหากความไม่แน่นอนคลี่คลายลงและเราเห็นการกลับตัวในการเทขายดอลลาร์ในช่วงหลัง
สินค้าโภคภัณฑ์
น้ำมัน โลหะ และสินค้าเกษตรได้รับผลกระทบด้านลบทั้งหมด สำหรับราคาน้ำมันดิบ การตัดสินใจของกลุ่ม OPEC+ ที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตในเดือนพฤษภาคมเกินกว่าที่คาดไว้ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันลดลงอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างรุนแรงยังหมายถึงกิจกรรมการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ น่าจะชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วด้วย
ทองคำ ถูกขายออกไปเมื่อเร็ว ๆ นี้เพื่อชดเชยการขาดทุนของนักลงทุนในส่วนอื่น ๆ อย่างไรก็ตามแรงซื้อจากธนาคารกลางยังคงอยู่ การเทขายหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมในครั้งนี้บ่งชี้ว่าตลาดกำลังประเมินถึงแรงกระทบด้านอุปสงค์ที่มีนัยสำคัญ ท่ามกลางความกังวลเรื่องการชะลอตัวของการเติบโตและความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้สถานการณ์จะขึ้นอยู่กับการตอบโต้ภาษีศุลกากร และการเจรจาใด ๆ ที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ในเชิงบวก รวมถึงการลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและอุปสงค์ โดยเฉพาะในกรณีของจีน
Hพันธบัตร
โดยทั่วไปแล้ว ภาษีศุลกากรควรจะผลักดันให้ราคาสูงขึ้น หมายความว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลควรปรับตัวสูงขึ้นสูงขึ้น แต่ในช่วงแรก ตลาดกลับให้ความสนใจไปที่การเติบโตที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และในขณะนี้ได้สะท้อนความคาดหวังถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25bps ประมาณ 4 ครั้งในปีนี้ จากเดิมประมาณ 3 ครั้งก่อนวันฉลองอิสรภาพ โดยมีโอกาส 50% ที่จะเริ่มปรับลดในเดือนพฤษภาคม [18]
เราเตือนตัวเองเสมอว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคคิดเป็น 70% ของเศรษฐกิจ และหากกิจกรรมดังกล่าวหยุดชะงัก จะมีผลกระทบต่อการจ้างงานและแนวโน้มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากอัตราเงินเฟ้อเริ่มเพิ่มสูงขึ้น ราคาพันธบัตร อาจลดลงและอัตราผลตอบแทนจะสูงขึ้น เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกนาน อัตราผลตอบแทนอาจปรับตัวสูงขึ้นอีกหากนักลงทุนใช้จุดยืน “ขายสินทรัพย์สหรัฐฯ” และขายพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งจะถือเป็นการพัฒนาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
ดัชนี
หุ้นได้รับผลกระทบอย่างหนักเนื่องจากนักลงทุนประเมินผลกระทบจากภาษีศุลกากรต่ำเกินไป และหวาดกลัวสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้น การลดความเสี่ยงแบบฉับพลันเกิดขึ้นในวันศุกร์ก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์จากการปรับสถานะครั้งใหญ่ ในขณะที่เช้าวันจันทร์มีการซื้อขายบังคับในช่วงเปิดการซื้อขายของตลาดเอเชียและยุโรป ซึ่งส่งผลให้มีการเคลื่อนไหวรุนแรงเกินจริง
“ความปั่นป่วนจากพาดหัวข่าว” ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนความเชื่อมั่นในตลาด โดยนักลงทุนเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดว่ารัฐบาลทรัมป์จะผ่อนปรนหรือเลื่อนการขึ้นภาษีหรือไม่ นักวิจารณ์บางคนคาดเดาว่าการปรับฐาน 20% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,915 ของ S&P 500 อาจกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางนโยบาย แม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่แน่นอนก็ตาม ทั้งนี้ ระดับ 4,850 ถือเป็นแนวรับทางเทคนิคในระยะยาว นอกจากนี้ ตลาดยังจะจับตาดูฤดูกาลประกาศผลประกอบการที่กำลังจะมาถึงอย่างใกล้ชิด โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแนวทางของบริษัทและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความตึงเครียดทางการค้าที่ยังคงดำเนินอยู่
นักวิเคราะห์บางคนแนะนำว่าตลาดยุโรปอาจดูน่าดึงดูดใจมากขึ้นหลังการปรับฐานราบนี้ เนื่องจากการใช้จ่ายทางการคลังที่คาดการณ์ไว้อาจช่วยสนับสนุนบางภาคส่วนได้ แม้ว่าอัตราส่วนราคาต่อกำไรจะลดลงและอยู่ในระดับใกล้เคียงจุดต่ำสุดในรอบทศวรรษ แต่ยังคงอยู้ในกรอบดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในวงกว้างขึ้น ก็อาจทำให้ตลาดเกิดภาวะขาลงต่แได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากประมาณการกำไรในอนาคตเผชิญกับแรงกดดันจากการพัฒนาการค้าและภาษีศุลกากรที่ดำเนินอยู่
การรับมือกับตลาดที่มีความผันผวน: กลยุทธ์ขายชอร์ตในสภาวะที่ไม่แน่นอน
วิกฤตการณ์ตลาดหุ้นในเดือนเมษายน 2025 เน้นย้ำถึงความเปราะบางและความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งของตลาดการเงินโลกอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน การเทขายหุ้นจำนวนมากทำให้มูลค่าตลาดหุ้นลดลงนับล้านล้านเหรียญ ซึ่งเน้นให้เห็นถึงผลกระทบทั่วโลกจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
ในยุคที่ความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น การคอยติดตามข้อมูลข่าวสารและปรับตัวได้จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ การทำความเข้าใจว่าตลาดตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจมหภาคอย่างไรอาจนำมาซึ่งโอกาสในการซื้อขาย สัญญาส่วนต่าง (CFD) ซึ่งให้ความยืดหยุ่นในการเก็งกำไรในตลาดขาขึ้นและขาลง อย่างไรก็ตาม CFD ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากการใช้เลเวอเรจ นักลงทุนรายย่อยควรพิจารณาว่าพวกเขาเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และพวกเขาสามารถรับความเสี่ยงสูงในการสูญเสียเงินได้หรือไม่
เปิดบัญชีซื้อขายจริง กับ Vantage วันนี้เพื่อเข้าถึงสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและนำกลยุทธ์การซื้อขายของคุณไปใช้จริง แต่โปรดจำไว้ว่าการซื้อขาย CFD มีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคน
คำถามที่พบบ่อย
เราอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วหรือยัง?
ณ วันที่ 7 เมษายน 2025 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดทำให้บรรดานักเศรษฐศาสตร์และสถาบันการเงินมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น
JP Morgan เพิ่มโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกจะถดถอยเป็น 60% จากเดิมที่ 40% [19] ในทำนองเดียวกัน Goldman Sachs เพิ่มโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอยเป็น 45% [20] แม้ว่าการคาดการณ์เหล่านี้จะบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้ว ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะต้องเกิดขึ้นเมื่อ GDP ติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส ซึ่งขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้น
ตลาดหุ้นกำลังล่มสลายใช่ไหม? [21]
ตลาดหุ้นเผชิญกับการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง หลังจากมีการประกาศขึ้นภาษีศุลกากรเมื่อไม่นานนี้ เฉพาะในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลงรวมกัน 3,910 จุด ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ดัชนีร่วงลงมากกว่า 1,500 จุดติดต่อกัน 2 วัน โดยวันศุกร์ตลาดร่วงลง 5.5% ถือเป็นการร่วงลงที่เลวร้ายที่สุดของดัชนีดาวโจนส์นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในเดือนมิถุนายน 2563
ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 5.97% ในวันศุกร์ และ 4.84% ในวันพฤหัสบดี ส่งผลให้ดัชนีลดลงรวม 2 วันเกือบ 11% และต่ำกว่าระดับสูงสุดล่าสุดกว่า 17% ในขณะเดียวกัน ดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลงเกือบ 6% ในทั้งสองวัน และขณะนี้ร่วงลง 22% จากจุดสูงสุดในเดือนธันวาคม ซึ่งเข้าสู่ภาวะตลาดหมีอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าการลดลงอย่างรวดเร็วนี้จะน่าเป็นห่วง แต่การจะถือว่าการลดลงดังกล่าวจะถือเป็นการ ล่มสลายของตลาด อย่างสมบูรณ์หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของตลาดในภายหลังและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจโดยรวม นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อรับมือกับความผันผวนในปัจจุบัน
อ้างอิง
- “Trump Has Announced Reciprocal Tariffs. What Are They? – Bloomberg” https://www.bloomberg.com/explainers/what-are-trump-s-reciprocal-tariffs เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Markets News, April 4, 2025: Dow Drops 2,200 Points, S&P Plunges 6%, Nasdaq Enters Bear Market as Tariff Turmoil Rocks Stock Market – Investopedia” https://www.investopedia.com/dow-jones-today-04042025-11709025 เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Stock market rout deepens as Dow plunges more than 2,200 points and Nasdaq enters bear market – CBS News” https://www.cbsnews.com/news/dow-jones-stocks-today-djia-trump-tariffs/ เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Dow futures fall over 1,000 points as Trump tariff market collapse worsens: Live updates – CNBC” https://www.cnbc.com/2025/04/06/stock-market-today-live-updates.html เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Trump says he doesn’t want stocks to go down, ‘but sometimes you have to take medicine’ – CNBC” https://www.cnbc.com/2025/04/06/trump-says-he-doesnt-want-stocks-to-go-down-but-sometimes-you-have-to-take-medicine.html เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Asian markets plunge with Japan’s Nikkei diving nearly 8% after the big meltdown on Wall Street – AP News” https://apnews.com/article/stocks-markets-nikkei-tariffs-trump-76d0de278a6cad291ace624a74a6a1b6 เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Global markets plunge: Trump’s tariff turmoil sends European and Asian stocks into tailspin – CNN Business” https://edition.cnn.com/2025/04/06/business/japan-nikkei-plunges-hnk-intl/index.html เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “BOJ warns of heightened uncertainty as Trump tariffs batter markets – Reuters” https://www.reuters.com/markets/asia/some-japan-firms-worry-over-us-trade-policy-uncertainty-boj-says-2025-04-07/ เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “FTSE 100 plunges 6% to one-year low amid market turmoil, as Trump says ‘sometimes you have to take medicine’ – The Guardian” https://www.theguardian.com/business/blog/live/2025/apr/07/global-stock-markets-brace-donald-trump-us-tariffs-business-live-updates-news เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “VIX Surge Indicates ‘Panic’ as Stock Rout Accelerates Globally – Bloomberg” https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-04-07/vix-surge-indicates-panic-as-stock-rout-accelerates-globally เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Financial markets face fear, shellshock as global trade war looms – Reuters” https://www.reuters.com/markets/wall-street-fear-gauge-jumps-8-month-high-stocks-sell-off-2025-04-04/ เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “AAPL, JPM, GM: U.S. Stock Market Has Lost $11 Trillion Since Trump’s Inauguration“ https://markets.businessinsider.com/news/stocks/aapl-jpm-gm-u-s-stock-market-has-lost-11-trillion-since-trump-s-inauguration-1034552311 เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Tech megacaps lose $1.8 trillion in 2 days as Trump tariffs lead Nasdaq to worst weekly drop in 5 years – CNBC” https://www.cnbc.com/2025/04/04/technology-stocks-fall-for-a-second-session-led-by-tesla-and-nvidia.html เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Magnificent 7 relinquishes more than $1 trillion as tech drives stock market nosedive – CNBC” https://www.cnbc.com/2025/04/03/mag-7-relinquishes-more-than-800-billion-as-tech-drives-stock-market-nosedive.html เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Gold plunges to lowest in over 3 weeks as market sell-off hits bullion – The Business Times” https://www.businesstimes.com.sg/companies-markets/energy-commodities/gold-plunges-lowest-over-3-weeks-market-sell-hits-bullion เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Japanese yen and Swiss franc top hedges against Trump tariffs, according to analysts – CNBC” https://www.cnbc.com/2025/04/07/japan-yen-swiss-franc-top-hedges-against-trump-tariffs-analysts-say.html Accessed 7 April 2025
- “Bitcoin plunges 12% after Trump’s tariff announcement mirroring stock market downturn – FortuneCrypto” https://fortune.com/crypto/2025/04/07/bitcoin-plunges-trump-tariff-announcement-stock-market-downturn/ เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2025
- “Bond Market Turbulence Lifts 30-Year Yield Most Since March 2020 – Bloomberg” https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-04-07/traders-boost-fed-bets-see-five-more-interest-rate-cuts-in-2025 เข้าถึงเมื่อ 8 เมษายน 2025
- “Global brokerages raise recession odds; J.P.Morgan sees 60% chance – Reuters” https://www.reuters.com/markets/jpmorgan-lifts-global-recession-odds-60-us-tariffs-stoke-fears-2025-04-04/ เข้าถึงเมื่อ 8 เมษายน 2025
- “Goldman Sachs raises odds of US recession to 45%, second hike in a week – Reuters” https://www.reuters.com/markets/us/goldman-sachs-raises-odds-us-recession-45-2025-04-07/ เข้าถึงเมื่อ 8 เมษายน 2025
- “Dow drops 2,200 points Friday, S&P 500 loses 10% in 2 days as Trump’s tariff rout deepens: Live updates – Reuters” https://www.cnbc.com/2025/04/03/stock-market-today-live-updates.htmlเข้าถึงเมื่อ 8 เมษายน 2025